Thursday, December 23, 2010

ปัญหาท้องไส้ไม่ปกติ

หลังจากผ่านวันพิธีแต่งงานไปเรียบร้อยแล้ว..ต้อนรับขับสู้บรรดาครอบครัวและเพื่อนฝูงที่อุตส่าห์ถ่อมาไกลเพื่อเราทั้งคู่และส่งกลับไปโดยสวัสดิภาพเรียบร้อยแล้วนั่น..ตอนนี้ฉันก็มีเวลาอยู่ลำพังมากขึ้น..ในที่นี้คืออยู่คนเดียวจริงๆ

แต่เดิมฉันแพลนไว้ว่าในแต่ละวัน ฉันมีตารางการทำงานแบบแม่บ้านอะไรบ้าง จากนั้นก็จะใช้เวลาเรียนรู้ภาษาฝรั่งเศสจากหนังสือ และบรรดาซีดีที่ทั้งตัวเองและคุณสามีขนซื้อมา..แรกๆฉันยังสามารถควบคุมตัวเองให้ทำได้ตามตางรางในแต่ละวัน ในหน้าร้อนแถบตะวันตกแบบนี้ พระอาทิตย์จะตกดินช้ากว่าปกติ จากเดิมที่ฉันเคยมาเที่ยวในช่วงคริสต์มาส ยังไม่ทันห้าโมงเย็น พระอาทิตย์ก็รีบร้อนกลับบ้านเข้านอนแล้ว..แต่หน้าร้อนสองทุ่มแล้วพระอาทิตย์ยังทำโอทีแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย..ทำให้ฉันที่ถือเอาแสงตะวันเป็นสรณะในการดำเนินชีิวิต คิดเอาเองว่าแต่ละวันมันยาวนานมากขึ้น..ฉันต้องหาอะไรทำจนกว่าพระอาทิตย์จะตกดิน..ฆ่าเวลารอสามีกลับจากทำงานด้วย

ฉันเริ่มออกไปข้างนอกเอง..แต่ก็ละแวกบ้านนั่นแหละ ไม่ได้ออกไปซ่าที่ไหนไกลบ้าน หนึ่งเพราะว่าไม่มีรถ สองขับรถไม่เป็น (รถที่นี่ส่วนมากเป็นเกียร์กระปุก..สาวไทยที่เรียนหลักสูตรเร่งรัดขับเฉพาะเกียร์ออโต้แบบฉัน พอมาเจอทั้งเกียร์กระปุกและพวงมาลัยซ้ายของที่นี่ ทำเอาเหมือนคนไม่เคยขับรถมาเลย) ละแวกบ้านก็จะมีทั้งร้านรวงต่างๆ ซุปเปอร์มาเก็ต ห้องสมุด ไปรษณีย์ ธนาคาร
จุดประสงค์คือ อยากพบเจอผู้คนบ้างเพราะหลังจากสามีออกไปทำงานช่วงบ่ายกว่าจะกลับมาก็สามทุ่ม..ฉันจะมาหมกตัวอยู่ไย..

ฉันเริ่มจากการไปซุปเปอร์มาเก็ตก่อน..มันง่ายที่สุดในความคิดฉัน ถึงคุยกันไม่รู้เรื่องแต่ตัวเลขจากเครื่องคิดเงินก็เข้าใจง่ายในการจ่ายเงิน และมันก็ช่วยให้ฉันได้เรียนรู้ว่าคนที่นี่เขากินอะไรกัน แน่ละ น้ำพริก กะปิ น้ำปลาคงไม่มีเหมือนเมืองไทย..ฉันเจอกองทัพชีส สารพัดขนมปังนานาชนิด ไล่ไปจนถึงของใช้สำหรับวันนั้นของเดือน..ยังขำตัวเองที่ไปยืนตะลึงที่โซนผ้าอนามัยอยู่นาน ตอนไปเจอแผ่นอนามัยสำหรับกางเกงในแบบจีสตริง..เอ่อ จะใส่กันทำไมไม่ทราบค่ะ มันจะช่วยซึมซับอะไรได้จากไอ้เส้นเรียวๆ เล็กๆนั่นได้

จากที่เคยกินแต่อาหารรสจัด ร้อนๆ เผ็ดๆ และบรรดาผักใบเขียวที่มีในอาหารไทยแทบทุกจาน..พอมากินแต่ชีส ขนมปัง แฮม รสชาติสุภาพเรียบร้อย (จืดๆ แบบไร้พิษสงและการแสดงออกทางรสชาติใดๆ) ท้องไส้ฉันก็เริ่มมีปัญหา..ท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอเหม็นเปรี้ยว..อาการเหล่านี้ฉันเป็นมานานตามนิสัยตะกละตะกลามเคี้ยวข้าวไม่ละเอียดของฉัน อาหารเลยไม่ค่อยย่อยจนเกิดอาการต่างๆที่ว่ามา..ซึ่งฉันอาศัยตัวช่วยคือ แอร์ เอ็กซ์รสมะนาวที่หอบหิ้วมาจากเมืองไทยกันเป็นโหล แต่ที่สุดจะทนคือ การท้องผูก บางทีนั่งจนเกือบจะหลับ อุนจิเจ้ากรรมยังไม่ยอมออกสู่โลกภายนอกเลย..

ฉันเลยต้องหาตัวช่วย..ทั้งสารพัดผักใบเขียวที่ฉันจะต้ิองกินเพียงลำพัง เพราะพ่อตัวดีเป็นมนุษย์ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการกินผักแทบทุกชนิด..กล้วย นมเปรี้ยว ลูกพรุน อะไรก็ตามแต่ที่เขาว่ามันช่วยขับถ่าย..ฉันขนซื้อมาหมดนอกจากยาถ่าย (อันนี้กลัวคุยกับเภสัชกรแล้วเรื่องยาว เลยไม่ได้ซื้อ)..แน่ละ ฉันแอบไปซื้อตอนพ่อตัวดีไปทำงาน..มันดูจะเกินไปถ้าต้องบอกสามีว่า ที่รักจ๊ะ ทำไงดีฉันอึไม่ออกมาเป็นอาทิตย์แล้ว มียาสวนก้นมั้ย..อี๊

ต่อแถวรอจ่ายเงิน ฉันแอบสังเกตพฤติกรรมคนอื่นที่อยู่ข้างหน้าว่า เขาทำอะไรกันบ้าง ถึงตราฉัน จะได้ไม่ปล่อยไก่ให้อับอาย..Bonjour>>>Merci>>Bonne journee Au revoir>>แทบทุกคนจะพูดแบบนี้ตลอด ซึ่งมันก็เหมือนทักทายกันก่อนเริ่มใช้บริการ..ขอบคุณตอนจ่ายเงิน และกล่าวอวยพรและอำลา..สุภาพเนอะ แถมทุกคนเตรียมถุงใส่ของมากันเอง จัดแจงหยิบของใส่ถุงเอง ซึ่งไม่เหมือนที่เมืองไทย..แคชเชียร์ต้องทำงานแบบมีแปดมือ สแกนบาร์โค้ดไปอีกมือแหวกถุงจัดของวางลงไป แถมต้องแยกว่า ถุงไหนของกิน ของใช้ ใส่ด้วยกันได้มั้ย บ่อยครั้งที่ฉันได้ยินลูกค้าขาโหดวีนแตกใส่น้องแคชเชียร์ที่บังอาจเอาไส้กรอกแช่เย็นไปใส่ถุงเดียวกับผงซักฟอก.. แคชเชียร์ที่นี่ทำหน้าที่แค่ สแกนบาร์โค้ดแล้วรอรับเงินเท่านั้น ขั้นตอนอื่นๆลูกค้าอย่างเราทำเองทั้งนั้น แถมถ้าเกิดขี้อายไม่เอ่ยคำทักทาย บงชู่ว์ไปก่อนแบบฉันในบางครั้ง..ก็จะได้เจออาการหน้าหงิกหน้างอให้เห็นทันควัน

ถึงคิวฉันแล้ว ฉันเอ่ยทักทายไปแบบที่เห็นตัวอย่างมาหลายคนเบื้องหน้า สาวน้อยแคชเชียร์หน้าสวยกล่าวตอบพร้อมยิ้มแบบเซ็งๆให้นิดนึง..เธอเอ่ยอะไรออกมา รัวๆ เร็วๆ ฉันก็จับประโยคได้ไม่หมด..เดาเอาว่ามีบัตรสมาชิกของร้านมั้ย..นงๆ ฉันตอบไปว่าไม่ ตามหลักไวยากรณ์นรกแตกแบบของฉัน ถามว่าจะเอาถุงมั้ย..นงๆ ฉันตอบไปอีก ถึงแม้วันนี้ฉันจะลืมถือถุงมาด้วย..แต่ไอ้ของไม่กี่อย่างฉันยอมหอบกลับบ้านเองดีกว่าเสียเงินซื้อถุงผ้ากระสอบแบบที่แม่ค้าสำเพ็งชอบใช้ แต่ใบละหลายยูโร ฉันงกฉันยอมลำบาก ฮ่าๆๆ ถึงคราวจ่ายเงินส่วนมากฉันเห็นคนที่นี่จ่ายด้วยบัตรเครดิตที่เราต้องเสียบการ์ดด้านที่มีชิปเข้าไปที่เครื่องเอง พร้อมกดรหัสบัตร หรือไม่ก็เช็ค ..แต่สำหรับฉันแล้ว ฉันชอบจ่ายเงินสดมากกว่า เหตุผลคือ ควบคุมตัวเองไม่ให้รูดบัตรเพลินจนหนี้ท่่วมหัวตอนปลายเดือน แต่เหตุผลอีกข้อคือ ฉันไม่เคยจำรหัสบัตรเครดิตเลยตั้งแต่ใช้มา แค่ยื่นให้พนักงานเอาสลิปมาเซนต์ แล้วจะต้องไปจำรหัสทำไม..ยิ่งจะกดเงินสดจากบัญชีบัตรเครดิตด้วยแล้ว..ยิ่งไม่คุ้มกับดอกเบี้ยมหาโหดที่จะตามมา ฉันเลยฉีกรหัสทิ้งทันทีที่ได้บัตรมาแบบไม่สนใจจะจำ

..อาจจะเป็นคราวซวยของน้องแคชเชียร์ที่มาเจอฉัน เพราะตอนฉันยื่นเงินสดให้หล่อนไป เธอทำหน้าแบบว่าเซ็ง พร้อมพูดรัวๆมาว่า มีเครดิตการ์ดมั้ย..ไม่มี..เธอเลยวีนเอาว่าเคาน์เตอร์นี้รับเฉพาะบัตรเครดิต..อ้าว เดี๊ยนจะทราบมั้ยค่ะ ต่างด้าวแบบเดี๊ยนก็เดินๆตามคนอื่นมาหล่ะคะ..ไม่เคยเจอว่าไม่รับเงินสดรับแต่บัตรแบบที่นี้เลยจริงๆ..สุดท้ายหัวหน้าของน้องหน้าสวยก็ต้องบอกให้ฉันตามไปจ่ายตังค์อีกเคาน์เตอร์

หมดเรื่องที่ซุปเปอร์ฯ แต่ยังไม่หมดเรื่องของตัวเอง..ฉันจัดแจงกรอกสารพัดสิ่งที่ซื้อมาเพื่อช่วยการขับถ่ายให้ท้องไส้ทำงานดีขึ้น ตามด้วยน้ำอีกขวดใหญ่..ไร้ผลตอบสนองใดๆ จนสุดท้ายก็พึ่งยาระบายจากสามีที่ไปซื้อมาให้จนได้หลังจากพ่อตัวดีอ้าปากค้างตอนฉันบอกว่าไม่ถ่ายมาสองอาทิตย์แล้ว..oh mon dieu แปลได้ว่า คุณพระช่วย!!! เป็นแบบนี้อยู่นานจนฉันค้นพบวีธีที่อาจจะดูซกมกสักหน่อยแต่มันช่วยให้ท้องไส้ทำงานดีขึ้น คือ ตื่นเช้าทำภารกิจแม่บ้านปัดกวาดเช็ดถูเรียบร้อย จนได้เวลาอาหารเช้า ที่ปกติฉันจะต้องล้างหน้า อาบน้ำแปรงฟันก่อน..คราวนี้กินมันทั้งๆที่น้ำลายบูดๆนั่นแหละ กาแฟดำร้อนๆ ตามด้วยน้ำอีกขวดเบิ้ม..พักเดียวฉันก็ทำการขับไล่ไสส่งมันออกมาได้แบบไม่ต้องบีบคั้นกันมากเกินไป..เห็นมั้ยว่ากว่าจะอึได้ไม่ใช่เรื่องขี้ๆ อี๊ แหวะ

No comments:

Post a Comment