Thursday, December 30, 2010

ทดสอบภาษาสำหรับวีซ่าติดตามสามี..ลุ้นยิ่งกว่าผลสอบเอนทรานซ์

เดินลงจากสถานีรถไฟฟ้าศาลาแดง ฉันตรงเข้าไปที่ทางเชื่อมของสีลมคอมเพล็กซ์ ขณะนั้นเป็นเวลาบ่ายโมงหลังจากที่แวะเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวเสร็จ..เดินหาของกินแต่ไม่รู้ยังไม่ถูกใจเลยสักร้าน เลยบ่ายหน้าไปพึ่งพาบิ๊กเปาหมูแดงพร้อมน้ำดื่มหนึ่งขวดที่ 7-11 เดินมาเจอซุ้มกาแฟสดเลยสั่งเอสเพรสโซ่เย็นหนึ่งแก้วที่หาซื้อได้ที่เมืองไทยเท่านั้น..ประเทศอื่นไม่เคยมีแบบเย็นเหมือนบ้านเราเลย Thailand Only ..เดินมาเรื่อยๆจนพ้นซอยก็เจอถนนสาทร..ฉันยืนรอสัญญาณไฟอยู่ด้วยใจหวิวๆ ตื่นเต้นยังไงไม่รู้

ขนาดว่าฉันเองมาที่สมาคมฝรั่งเศสอาทิตย์ละสองครั้งเพื่อเรียนภาษา แต่สำหรับการมาสอบเพื่อวีซ่านั้น ฉันไม่มั่นใจเลยเผื่อเวลาไว้หน่อยดีกว่า กันพลาด..ไหนจะต้องเดินหาห้องสอบ ไหนจะขอเวลาทำใจนิดนึง ฉันเดินเข้าไปถามเจ้าหน้าที่เพื่อติดต่อขอสอบภาษาสำหรับวีซ่าระยะยาว..น้องผู้หญิงเสียงหวานตอบกลับมาว่า..เชิญไปที่ชั้นห้า ตึกซีได้เลยค่ะ

ฉันเดินหอบเสบียงที่ถือติดมือมา ขึ้นบันไดไปเรื่อยไปจนถึงชั้นห้า..ไม่มีใคร แต่เดาเอาว่าห้องแรกสุดน่าจะใช่ เพราะว่ามีรายชื่อผู้เข้าสอบรอบที่แล้วเจ็ดคนแปะไว้อยู่ ฉันยึดบันไดเป็นฐานที่มั่นนั่งจัดการซาลาเปาและกาแฟเย็นไปเรื่อยๆ ปากขยับ ตาก็เหลือบดูบรรดาโพ้ยต่างๆที่ฉันจดมาเพื่อการสอบครั้งนี้ นั่งอ่านหนังสือไปก็มีเพื่อนๆที่ร่วมชะตากรรมเดินมาดูห้องบ้าง บางคนตั้งท้องอยู่แต่กำลังใจดี มีสามีมาคุม บางคนแฟนมาส่ง แต่บุกเดี่ยวแบบฉันก็มีเหมือนกัน..จนบ่ายสองโมงเป๊ะ..คุณชานนท์ผู้ประสานงานและดูแลการสอบ ตัวจริงหน้าเด็กมาก..หรืออาจจะยังอายุน้อยอยู่ คุณชานนท์เชิญให้เข้าไปนั่งรอให้ห้องทำงาน รอให้มาครบทั้งเจ็ดแม่บ้านที่จะต้องมาสอบในวันนี้..แต่รอแล้วรอเล่าก็ขาดไปนางหนึ่ง จนคุณชานนท์ต้องโทรตาม..ปลายสายบอกมาว่า มาไม่ทันอยู่ต่างจังหวัด จะมาได้ตอนหกโมงเย็น..เอ่อ นัดบ่ายสองจะมาสอบหกโมงเย็น วินาทีนั้นเองถึงรู้ว่าคุณชานนท์ใจเย็นและสุภาพมาก เพราะพยายามตอบกลับไปแบบสุภาพมากๆ ว่าคงไม่ได้ต้องรอสอบครั้งถัดไปในเดือนหน้าแล้วกัน..หายไปสิบนาที เธอโทรกลับมาอีกบอกว่า สามีเธอไม่ยอมจะให้สอบภายในเดือนนี้ให้ได้ ถ้าไม่ได้จะฟ้องสถานฑูต..คุณชานนท์ก็ใจเย็นมากจริงๆที่จะตอบปฏิเสธและยืนยันจุดยืนเดิมในการทำงานแบบไม่กลัวอะไรเหมือนกัน..(เป็นไงหล่ะ แทนที่จะเอาเวลามาทบทวนคำศัพท์ ฉันกลับนั่งฟังเรื่องของคนอื่นหูผึ่งซะอย่างนั้น

การสอบแบ่งเป็นสองส่วน คือความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประเทศฝรั่งเศส..เป็นการสัมภาษณ์ภาษาไทย หกข้อ มีให้เลือกตอบว่า ใช่ หรือ ไม่ใช่ ห้าข้อ ส่วนอีกหนึ่งข้อจะเป็นคำถามปลายเปิดต้องหาคำตอบเอง เช่น สีธงชาติ สัตว์ประจำประเทศ ส่วนห้องที่สองเป็นการทดสอบภาษา โดยผู้ทำการสอบคืออาจารย์ชาวฝรั่งเศส ซึ่งจะมีทั้งข้อเขียนและการสัมภาษณ์ ฉันได้เข้าสอบเป็นคนที่สี่จากหกคน เริ่มจากความรู้ทั่วไป คำถามไม่ยากขนาดว่าต้องหาหนังสือมาอ่านก่อนถ้าวิเคราะห์คำถามดีๆ ก็ตอบได้แล้ว เช่น ผู้หญิงทุกคนในฝรั่งเศสมีสิทธิ์เลือกตั้งใช่หรือไม่ ฉันกันพลาดมากตอบไปว่าใช่ถ้ามีอายุครบเกณฑ์และถือสัญชาติฝรั่งเศส..พี่ที่คุมสอบคือเจ้าหน้าที่ผู้หญิงใจดีที่ฉันเจอที่สถานฑูต..อมยิ้มนิดนึงก่อนจะบอกว่า ตอบว่าใช่ก็พอค่ะ..ใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีก็เสร็จ..มานั่งรอที่ห้องคุณชานนท์เพื่อทดสอบภาษาต่อ จนอาจารย์ฝรั่งมาตามให้เข้าสอบได้ ฉันทะลึ่งพรวดเดินตามอาจารย์ออกไป พอเข้าไปนั่งแป้นเล้นตรงหน้าอาจารย์ก็เริ่มสัมภาษณ์กันเลย..ถามชื่อเสียงเรียงนาม อายุ อาชีพ ที่อยู่ ของทั้งฉันและสามี ซึ่งฉันได้เรียนมาแล้วที่สมาคม จึงไม่มีปัญหาสักเท่าไร ถามกันเกือบสิบข้อ จนอาจารย์ยื่นข้อสอบมาให้ตรงหน้าแล้วถามว่าเอาปากกามาด้วยรึเปล่า ฉันโชว์ปากกาในมือให้ดูเป็นคำตอบ..ลงมือทำข้อสอบ ฉันตื่นเต้นมากหัวใจเต้นแข่งกับนาฬิกาจับเวลาบนโต๊ะอาจารย์เลยทีเดียว ฉันอ่านตกๆหล่นๆ ใส่ชื่อลืมเติมนามสกุล ใส่วันเกิดลืมสถานที่..จนอาจารย์มีแอบบอกใบ้ให้ดูดีๆ ฉันถึงเติมลงไปทัน..จากการกรอกข้อมูลส่วนตัว ก็มาถึงเติมคำลงในบทสนทนา..ให้มาสี่คำ อาจารย์ไล่ชี้ให้เติมทีละบรรทัด แต่สาวไทยเรียนระบบไทยมาแบบฉัน ต้องเดา ขออ่านให้หมดแล้วเดาเอาว่าเติมคำไหนยังไงดี ซึ่งได้ผลอ่านจนจบถึงรู้ว่าพูดถึงเรื่องว่าพูดถึงอะไร รีบเติมๆ กลัวลืม มาถึงที่ส่วนต่อมา ให้ศัพท์มาแปดคำ เรียงประโยคใหม่ อันนี้ฉันคิดว่าทำได้เลยหล่ะ ข้อสอบตอนเรียนก็มีแนวนี้ สุดท้ายให้เขียนคำศัพท์อาหารที่เราสั่งกินในร้านอาหารมาสิบอย่าง..แม่เจ้า..ตั้งแต่ไปอยู่สามเดือนไม่ค่อยได้เข้าร้านอาหาร ส่วนมากทำกินเองซะมากกว่า..หรือจะพาไปร้านอาหารจริงๆ สามีที่รักก็พาไปร้านอาหารจีนเพราะรู้ดีว่าศรีภรรยาแพ้ชีส
ฉันเลยทำหน้าด้านๆ มึนๆเขียนศัพท์ของกินลงไปแทนจบครบสิบคำ..อาจารย์ดึงกระดาษออกไปพร้อมบอกว่า พอแล้ว..ขอให้โชคดี

คุณชานนท์แจ้งให้รอผลสอบห้าโมงเย็น..สอบเสร็จบ่ายสามโมงนิดๆ..อีกชั่วโมงกว่าจะไปไหนได้ ฉันนั่งรอที่ม้าหินด้านล่าง เจอเพื่อนๆที่มาสอบอีกสองคนนั่งอยู่ เลยเนียนๆนั่งด้วยกันไปเลย..พี่คนหนึ่งเริ่มเล่าว่าเธอมาจากโคราช ด้วยความที่เรียนมาน้อยพอต้องมาจัดการเดินเรื่องเอกสารขอวีซ่า..กลัวมีปัญหาเและข้อจำกัดของเวลาที่แฟนลางานมาเพื่อแต่งงานกับเธอที่เมืองไทยเลยจ้างให้บริษัททัวร์ยื่นให้..เธอบอกว่าเสียไปหลายหมื่นบาท ตั้งแต่ติดต่อแปลเอกสารต่างๆนานาที่ใช้ในการจดทะเบียนสมรส ..ตอนนี้แค่รอสอบอย่างเดียว ถ้าผ่านได้วีซ่า บริษัททัวร์ขอเพิ่มอีกหนึ่งหมื่นบาทเป็นสินน้ำใจ..ฉันได้แต่ขนหัวลุกกับจำนวนเงินที่เธอจ่ายไป..และนึกอายอยู่ในใจว่า ขนาดฉันเดินเรื่องเองแต่แค่ค่าเอกสารต่างๆ นานาร่วมหมื่นฉันก็ใจจะขาดแล้ว..นี่พี่เขาต้องมาเสียเพิ่มอีกหลังจากได้วีซ่าติดตามสามีอีกตั้งหมื่น ซึ่งมันต้องได้อยู่แล้วเพียงแต่จะช้าหรือเร็วเท่านั้น..แต่ไหนๆพี่เขาหลวมตัวมาขนาดนี้แล้ว..ฉันอย่าปากพล่อยบอกพี่เขาไปให้เขาสะเทือนใจดีกว่า.. เธอเล่าต่อว่ามาเช่าคอนโดอยู่ในกทม.หกเดือนแล้ว งานไม่ได้ทำเพราะว่าย้ายมาอยู่กทม.ชั่วคราวเพื่อรอไปฝรั่งเศสเท่านั้น เธอบอกว่าเรียนมาน้อย จบ ม.3 แต่เชื่อมั้ยว่า เธอพูดสนทนาฝรั่งเศสได้ดีมาก..เนื่องจากสามีพูดอังกฤษและไทยไม่ได้เลย เธอจึงต้องขวนขายทุกทางให้พูดกันให้เข้าใจเพราะว่าเวลาโทรคุยกันจะได้เข้าใจ..ทำเอาเด็กจบปริญญาแถมเรียนคอร์สฝรั่งเศสจากสมาคมเองด้วยอย่างฉันอายไปเลย..เธอโชว์สมุดจดให้ดู ข้างในมีบรรดาคำศัพท์ไล่ตั้งแต่ ตัวอักษร ตัวเลข วัน เดือน ปี ไปจนถึงคำศัพท์ต่างๆ เธอบอกว่าเธอซื้อหนังสือมาแล้วพยายามอ่านทุกวัน ท่องศัพท์ให้ได้วันละสิบคำทุกวัน..สุดยอดมาก นับถือจริงๆ

เธอบอกต่อว่าเธออยากสอบผ่านมาก เพราะว่าแฟนอยากให้ไปฉลองคริสต์มาสกับที่บ้าน..ฉันเองก็คิดว่าเธอน่าจะผ่านเพราะเธอพุดได้ดีมาก เราคุยกันฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ ฉันรู้ดีว่าทุกคนในโต๊ะนั้นประหม่ามากเพราะเราจะพูดกันแต่เรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ ตามประสาไม่รู้จะคุยอะไรกันเพราะจิตใจมันจดจ่อรอแต่ผลสอบ..จนสี่โมงครึ่งคุณชานนท์เดินผ่านแล้วส่งสัญญาณให้ไปที่ห้อง รอฟังผลได้
ตอนนั้นมีสี่สาวจากหกเท่านั้นที่ขึ้นมา ส่วนอีกสองสาวที่สามีและแฟนมาคุมยังไม่เห็น..คุณชานนท์หยิบซองเอกสารแล้วขานชื่อที่อยู่หน้าซองจนครบสี่..ฉันแอบสะกิดใจว่า เฮ้ยทำไมวางซองฉันแยกอยู่คนเดียวหล่ะ ไม่เอาไปรวมกลุ่มกับอีกสามสาวที่เหลือ..วินาทีต่อมาคุณชานนท์เรียกชื่อฉันแล้วเชิญไปนั่งที่หน้าโต๊ะทำงาน แล้วก็บอกว่ายินดีด้วยผ่านทั้งสองอย่าง พร้อมกับโชว์เอกสารที่อยู่ในซองว่ามีอะไรบ้าง ประกาศนียบัตรสีเหลืองและสีฟ้าที่ถูกกำชับให้เก็บให้ดีและต้องยื่นที่ฝรั่งเศสด้วย..ฉันดีใจมาก โล่ง หมดเวรหมดกรรม อีกสามสาวที่เหลือถูกเรียกไปพร้อมกัน ฉันเลยขอตัวออกมารอหน้าห้อง พักเดียวทั้งสามคนก็ตามออกมาบอกว่าไม่ผ่านภาษาต้องเรียนก่อน..อีกสองสาวเหมือนทำใจมาแล้วว่าไม่ผ่านเพราะบอกว่าฟังไม่รู้เรื่องและไม่ได้เขียนตอบอะไรไปเลย..แต่พี่จากโคราชนี่สิ ฉันเห็นเธอน้ำตาคลอตอนที่เธอมาขอดูใบประกาศสองสีนั่นจากฉัน..แล้วบ่นออกมาว่า "เสียดายจังพี่น่าจะผ่านบ้าง กว่าจะเรียนจบพี่คงไปไม่ทันคริสต์มาสแล้วหล่ะ สงสารแม่แฟนจัง เอาไปคุยกับเพื่อนบ้านหมดแล้วว่าลูกสะใภ้จะมาก่อนคริสต์มาส"

ระหว่างเดินลงจากตึก ฉันไม่รู้จะพูดอะไรเพราะเข้าใจความรู้สึกของสามสาวที่เหลือดี กว่าจะได้กลับไปหาสามีก็อีกเป็นเดือน ไหนจะเรื่องของความคิดถึง ไหนจะเรื่องค่าใช้จ่าย ค่าอาหาร ค่าที่พัก..หนึ่งสาวในนั้นมาจากสระแก้ว..เธอบอกว่าถ้าเรียนทุกวันค่ารถก็วันละเกือบสี่ร้อยไปและกลับ ถ้าเลือกมาหาห้องอยู่ที่กรุงเทพฯก็ต้องมีค่ามัดจำห้องอีก..คิดแล้วสงสารแฟนที่ต้องส่งเงินมาให้ เพราะทั้งเธอและแฟนก็ยังเด็กอยู่ทั้งคู่ มีเงินเดือนไม่เยอะ เดินทางไปกลับเอาแล้วกันระหว่างเรียน ช่วยแฟนประหยัด..สู้ๆจ๊ะ ฉันเองโชคดีที่ผ่าน..เพราะทั้งฉันเองถึงแก่แต่แฟนยังเด็กก็ล้วนมีเงินไม่เยอะทั้งคู่ ดังนั้นรีบกลับไปโน่นจะดีที่สุด

ฉันกลับมาบ้านด้วยความโล่งใจแต่ก็แอบเศร้าใจกับเพื่อนที่ไม่ผ่านอยู่ลึกๆ ฉันเข้าใจดีว่าอารมณ์ที่อยากกลับไปฝรั่งเศสจะด้วยคิดถึงครอบครัวหรืออยากรีบทำทุกอย่างให้เสร็จสิ้นเพื่อจะได้ดำเนินการขั้นตอนอื่นๆ ต่อไปสำหรับชีวิตในต่างแดนแบบฉันที่เบื่อการเป็นคนว่างงานเต็มทีแล้ว..เป็นอย่างไร หนทางมันไม่้ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบแต่ก็ให้ประสบการณ์ที่คนอื่นอาจไม่เคยรู้มาก่อนเหมือนกัน

2 comments:

  1. แล้วถ้าได้วีซ่าแล้วทำสังไงต่อเมื่อถึงประเทศฝรัเศสแล้ว .เดินทางเข้าออกประเทศฝรั่งเศส ได้เลยหรืเปล่าคะ

    ReplyDelete
  2. สวัสดีครับวีซ่าที่พี่ขอใช่วีซ่า คู่สมรสของพลเมืองฝรั่งเศสพำนักระยะยาว (มากกว่า 90 วัน) ไหมครับ หรือเป็นหัวข้ออื่น พอดีผมจะขอเหมือนกัน แต่ไม่รู้จะต้องขออันไหนครับ รบกวนพี่ช่วยตอบด้วยนะครับ

    ReplyDelete