Friday, December 17, 2010

แม่ครับ..แต่งงานนะครับ

ฉันกำลังหน้าดำคร่ำเครียดกับงานกองมหึมาที่ฉันต้องทำให้เสร็จก่อนหนุ่งท่มวันนี้ เพราะพ่อตัวดีบอกว่าวันนี้เขาจะรอที่ร้านกาแฟด้านล่างออฟฟิตที่ฉันทำงานอยู่ตอนหนึ่งทุ่มเพื่อกลับบ้านพร้อมกัน พ่อตัวดีลาพักร้อนมาหาฉันที่เมืองไทยสามอาทิตย์แต่ที่บ้านฉันไม่สะดวกที่จะให้เขาไปพักด้วยเพราะว่าอยู่กันหลายคน ฉันเลยหาอพาร์ทเมนท์ใกล้บ้านให้เขาอยู่แทน..แต่ข้าวปลาอาหารสามมื้อ แม่ของฉันบอกให้มาฝากท้องที่บ้าน แม่ยินดีต้อนรับขับสู้เต็มที่ ทั้งๆที่ก็คุยกันจนเมื่อยมือทั้งคู่กว่าจะเข้าใจกัน แต่แม่เองก็บอกว่า ดีซะอีกแม่จะได้ฝึกภาษา.. พ่อตัวดีเลยจะมาใช้เวลาที่บ้านฉันอยู่เกือบทุกวันและทั้งวัน ตั้งแต่มารับฉันไปทำงาน..ซึ่งฉันก็พาเขาโหนรถเมล์ไปทำงานและนั่งตัวลีบแออัดบนรถตู้กลับมาบ้านเกือบทุกวัน เขาก็จะหายไปกินข้าวที่บ้านฉัน หรือไปตะลอนๆในกรุง รอเวลามารับฉันอีกครั้งตอนเลิกงาน จนกว่าจะเสาร์ อาทิตย์ ฉันถึงจะพาเขาไปเที่ยวบ้างตามแต่โอกาส..เป็นแบบนี้ทุกครั้งถ้าเขามาหาฉันที่เมืองไทย

แต่มาคราวนี้มันมีอะไรมากกว่านั้น..เสียงมือถือของฉันดัง ทั้งเสียงเรียกเข้าและหน้าจอโทรศัพท์ บอกว่าปลายสายคือแม่นั่นเอง..แม่โทรหาฉัน ถามฉันว่าพ่อตาน้ำข้าวเขามีอะไรจะบอกแม่ แต่แม่ไม่เข้าใจเลยโทรหาฉัน ให้ช่วยฟังแล้วอธิบายให้แม่หน่อย
ฉันถามตัวต้นเหตุว่า ทำอะไรอยู่ มีอะไรกับแม่..ปลายสายตอบมาว่า..มาขออนุญาตแม่ฉัน แต่งงานกันฉัน..งานเข้าอีกแล้ว..

หลังจากที่คุกเข่าขอฉันแต่งงานหน้าทีวีวันนั้น ตอนนี้มันก็ผ่านมาเกือบสองปี..เขาคงนึกเฮี้ยนขึ้นมาอีกหล่ะสิ..แม่ถามฉันว่า คุณฝรั่งเขาจะเอาอะไรกับแม่..ฉันไม่รู้จะตอบยังไงดี ..เลยบอกไปว่า เดี๋ยวเย็นนี้ค่อยไปคุยกันที่บ้านตอนนี้ขอทำงานก่อน

ทุ่มกว่าแล้ว ฉันเพิ่งออกมาจากออฟฟิตมาเจอพ่อตัวดี หลังจากคาดเค้นว่าไปทำอะไรไว้กับแม่ของฉัน ก็ได้ความว่า เขาแอบถามพี่ชายฉันว่าขอแต่งงานพูดเป็นภาษาไทยว่ายังไง..แล้วก็ไปขออนุญาตแม่ของฉันเพื่อขอฉันแต่งงาน..แต่ แต่ พ่อคุณดันไปนั่งจับมือแม่ แล้วแอบพูดตามโพยที่พี่ชายสอนไปว่า "แต่ง งาน กับ ผม นะ ครับ"..โอ๊ยยย คิดภาพตามแล้ว..งานเข้า

มันดูเหมือนจะฮากับเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ชีวิตจริงมันไม่เป็นแบบนั้น หลายปีที่เขาอดทนรอ มีหลายอย่างในครอบครัวฉันที่เปลี่ยนแปลงไป..พี่ๆเริ่มออกเรือนแยกย้ายไป บ้านที่เคยแออัดเพราะอยู่กันหลายคน มาตอนนี้เหลือสามชีวิต พ่อ แม่ และฉันเท่านั้น
แม่ที่เคยฝากความหวังไว้ที่พี่สาวคนโตว่าจะอยู่ดูแลยามแก่เฒ่า มาตอนนี้เหลือฉันคนเดียวที่อยู่ด้วย ความหวังทั้งหมดเลยเปลี่ยนมาที่ฉันแทน..ฉันรับรู้การเปลี่ยนแปลงนี้มาบ้าง แต่ไม่คิดว่าสุดท้ายแล้วฉันต้องตัดสินใจอะไรสักอย่างมากมายหลังจากนั้น

คืนนั้นฉัน แม่และเขานั่งคุยกันเรื่องนี้..แม่อึ้งไปเมื่อฉันแปลให้ฟังถึงจุดประสงค์ของพ่อตัวดีที่ทำไปเมื่อบ่ายนี้..แม่เองก็รับรู้มาว่าฉันคบหากับอีตาฝรั่งมาหลายปี และรู้ว่ายังไงก็ต้องมีวันนี้ แต่เมื่อมันมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในครอบครัว ..คำตอบที่ฉันต้องบอกต่อให้พ่อตัวดีฟังก็คือ..แม่ปล่อยให้ฉันตัดสินใจเอง แม่ไม่คัดค้าน แต่ก็ไม่สนับสนุนหากฉันจะต้องทิ้งชีวิตและอนาคตในเมืองไทยเพื่อไปเริ่มต้นชีวิตคู่ในต่างแดน และให้ฉันตั้งสติดีๆว่า ควรแล้วหรือที่จะแต่งงานกับหนุ่มรุ่นน้อง แม่ยินดีที่จะรับพ่อตัวดีในฐานะเพื่อนของลูกสาว แต่ถ้าจะเลื่อนมาเป็นสามีแม่ว่าไม่เหมาะ..

คืนนั้นฉันยืนส่งพ่อตัวดีหน้าร้าน บอกให้เขารีบกลับไปก่อน พรุ่งนี้ฉันจะอธิบายให้ฟังตอนนี้ยังไม่สะดวกจะพูดอะไร..เขาที่ฟังไม่เข้าใจดีนักแต่คงเดาได้จากสีหน้าของแม่และฉันว่า มันคงไม่ง่ายนักสำหรับการขอสาวไทยแบบฉันแต่งงาน

ฉันอธิบายให้เขาที่ยังสับสนว่า ตกลงแม่ของฉันเกลียดหรือ ชอบเขากันแน่ เพราะว่าตลอดเวลาที่มาเมืองไทยทุกครั้ง แม่ต้อนรับขับสู้เขาดีมากทุกครั้ง แต่คราวนี้ทำไมทุกอย่างเปลี่ยนไปเพียงเพราะเขาขอฉันแต่งงาน..ฉันอธิบายสารพัดเรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงไปในครอบครัวของฉัน และรวมถึงสาเหตุที่แม่ไม่เห็นด้วยที่ฉันจะแต่งงานไปอยู่ต่างแดน ทั้งในเรื่องอายุของเขาและ หน้าที่การงานของฉันที่เมืองไทย..ฉันรู้ดีว่าคงยากสำหรับเขาที่จะเข้าใจ แต่ก็ขอว่าอย่าโกรธหรือเกลียดแม่ของฉัน แม่ทำแบบนี้เพราะแม่รักฉันมาก..จริงๆ

ฉันไปส่งเขาที่สุวรรณภูมิ เขาเองก็ยังงอแงอยู่มากเมื่อไม่เป็นไปตามแผนที่เขาวางไว้ เขาคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาถ้าเขามาขอฉันแต่งงานกับแม่ตามธรรมเนียมไทยที่เขาศึกษามาบ้าง งูๆปลาๆ ..ฉันปลอบใจไปว่า เวลาอาจจะทำให้แม่ใจอ่อน ตอนนี้กลับไปทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีเสียก่อน ร้องเพลงรอต่อไปอย่างน้อยตอนนี้เขาก็แสดงเจตจำนงค์ให้แม่ทราบแล้ว..ช้าๆได้สาวพร้อมพร้าเล่มงาม..หึ หึ

เขากลับไปแล้ว..ฉันเองก็มาใช้ชีวิตตามปกติโดยรับรู้การเปลี่ยนแปลงของแม่อยู่เงียบๆ จากวันนั้นแม่ไม่พูดแซวหรือ เอ่ยถึง พ่อหนุ่มตาน้ำข้าวอีกเลย.. ฉันเองก็เข้าใจดีและให้เวลาเยียวยาความรู้สึกของตัวเองและแม่ต่อไป..หารู้ไม่ว่าอีกไม่กี่ปีหลังจากนั้น..ชีวิตฉันจะมีจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ที่ฉันต้องเลือกด้วยตัวเอง

No comments:

Post a Comment