Wednesday, March 9, 2011

ก้าวเท้าออกไปเรียนวันแรก

เริ่มต้นเช้าวันจันทร์หลังจากพ่อตัวดีออกไปทำงานเรียบร้อยก่อน 7 โมงเช้า  ฉันก็ลุกขึ้นเก็บที่นอน เดินมาเก็บเศษซากอารยธรรมที่นังสามีแอบทิ้งไว้เกลื่อนตั้งแต่ห้องอาบน้ำ ห้องครัว จนถึงห้องนั่งเล่น  พอทุกอย่างเข้าที่ฉันก็เริ่มทำภารกิจของตัวเองบ้าง แต่วันนี้พิเศษหน่อยที่ต้องอาบน้ำแต่เช้า..หน้าหนาวแบบนี้จากคนรักสะอาดอาบน้ำวันละ 2 ครั้งเช้า-เย็น..กลายมาเป็นเหลือวันละครั้งพอ เลือกเอาว่าจะอาบตอนไหน..ฉันมีเรียนวันจันทร์ตอนเช้า 2 ชั่วโมง ทุกทีฉันจะแค่ล้างหน้าแปรงฟันแล้วออกไปเรียน พอกลับมาบ้านหลังหม่ำมื้อเที่ยงเสร็จเรียบร้อย นั่งดูทีวีรอเวลาย่อยจนบ่ายคล้อยถึงจะได้ฤกษ์สะสางสังขารตัวเอง

แต่บ่ายนี้ฉันจะต้องไปเรียนภาษาอีกโรงเรียนหนึ่งเป็นครั้งแรก...คงไม่ดีแน่ถ้าจะเอาสังขารเน่าไปอวดโฉมให้คนอื่นดม จึงต้องกัดฟันอาบน้ำแต่เช้าแถมจะแช่น้ำอุ่นนานๆ ก็ไม่ได้ด้วย เวลาไม่อำนวย..เดินตัวหอมหน้านวลผ่อง ออกจากบ้านไปเรียน ทักทายกับ Marqaure อ่านว่า มาร์โก ผู้ดูแลคอร๋สสอนภาษาฝรั่งเศสพร้อมกับแจ้งเธอด้วยว่า พรุ่งนี้ตอนเช้า ฉันมาเรียนไม่ได้เพราะว่าโอฟี่ส่งฉันไปเรียนแล้ว เริ่มเรียนบ่ายวันจันทร์นี้ และอังคาร  พฤหัสบดีและศุกร์ตอนเช้า.. แต่บ่ายวันอังคารฉันก็จะมาเรียนที่นี่เหมือนเดิม..มาร์โกดีใจกับฉันด้วย แต่เธอบอกว่าที่โรงเรียนใหม่ฉันอาจจะเบื่อๆ เพราะว่าจะเริ่มสอนตั้งแต่ อา เบ เซ เด กันเลย ผิดกับที่นี่ที่เน้นสอนไวยากรณ์ แต่ก็ให้ไปเรียนเพื่อจะได้ไปฝึกพูด เจอคนอื่นจะได้พูดได้เร็วขึ้น แต่ยังไงก็ต้องมาเรียนกับเธอที่นี่ต่อนะ เพราะว่าฉันมีพัฒนาการเร็วมาก น่าเสียดายถ้าจะหยุดเรียนแล้วไปเริ่มใหม่ตั้งแต่พื้นฐานแบบนั้น..จากนั้นก็นั่งรอให้มาร์โกจัดสรรว่า วันนี้ครูแต่ละคนจะได้นักเรียนเป็นใครบ้าง เพราะว่าในแต่ละครั้งจะมีอาสาสมัครที่มาสอนมากน้อยไม่แน่นอน พอๆกับจำนวนนักเรียนที่ไม่แน่นอนเหมือนกัน

เรียนเสร็จตอน 11 โมง สองเท้าพาตัวเองกลับบ้านแต่วันนี้ได้เพื่อนเดินกลับบ้านเป็นหนุ่มจากไนจีเรียที่มาเรียนภาษาเหมือนกันเพียงแต่ว่าไม่เคยเรียนด้วยกันเท่านั้น พอรู้ว่าบ้านอยู่ละแวกเดียวกันก็เลยเดินคุยกันมาเรื่อยๆ แต่เอ๊ะ ทำไมเส้นทางแปลกๆ เขาหันมาบอกว่านี่คือ ทางลัด ..เขาสงสัยว่าฉันไม่รู้เหรอ..แล้วทุกทีมายังไง ฉันบอกว่าเดินขึ้นเนินมาเรื่อยๆกว่าจะถึงโรงเรียนก็ 20 นาที ..เขาส่งแววตาสมเพชมาให้ บอกว่าถ้าเดินทางนี้นะ 10 นาทีก็ถึงบ้านแล้ว...โอว แล้วทำไมฉันพึ่งจะมารู้ตอนนี้เนี่ย

ถึงบ้านจัดการหามื้อกลางวันให้ตัวเองเรียบร้อยด้วยข้าวไข่เจียวกินคู่กับน้ำพริกกะปิผักลวก  แปรงฟันดับกลิ่นไม่พึงประสงค์แล้วเตรียมของไปเรียนพร้อมเสบียงคู่กายคือน้ำเปล่าหนึ่งขวด  ดูตารางรถเมล์อีกครั้งก่อนออกจากบ้าน  ฉันต้องไปให้ถึงป้ายก่อน 13.05 ใช้เวลาเดินทาง 10 นาที ก็จะถึงโรงเรียนทันเข้าเรียนตอน 13.30 น.  มาแกร่วรอที่ป้ายรถเมล์ก่อนเวลา 10 นาทีเพราะกลัวพลาดเผื่อรถจะมาก่อน..ยืน รอ รอ รอ  ก็ยังไม่เห็นมาสักคัน หันออกไปมองป้ายอื่นๆ คนมายืนคอยแบบบางตา สงสัยออกไปเที่ยวกันหมด เพราะว่าช่วงนี้โรงเรียนปิด 15 วัน ให้ไปเล่นสกีบอกลาหิมะที่ใกล้จะละลายหมดแล้ว

ฉันยืนกระสับกระส่ายที่ป้ายอยู่ร่วมครึ่งชั่วโมง เลยเวลาเข้าเรียนมาเกือบสิบนาที ถึงจะเห็นรถเมล์สายที่ต้องขึ้นโผล่มา  ฉันโบกแขนส่งสัญญาณให้คนขับรู้ว่า จอดหน่อยจ้า..หนูจะขึ้น  สารถีวันนี้เป็นผู้หญิง ฉันก้าวขึ้นรถไป Bonjour Madame, Un aller-retour billet, sil vous plaît บงชูว์ มาดาม อา นาเล่ เครอทู บิลเย่ ซิลวูเปล  สวัสดีค่ะขอตั๋วไป-กลับใบหนึ่งคะ พร้อมส่งเงินให้ 1.90 ยูโร  เธอส่งตั๋วเล็กๆส่งกลับมาให้ ฉันรับมาแล้วเดินไปนั่ง..ระหว่างทางก็สำรวจทางและดูคนอื่นที่ทยอยมา พร้อมกังวลว่า ไปสายแบบนี้ต้องโดนครูด่าแน่เลย..

ถึงที่เรียนแล้ว ฉันเดินเข้าห้องเรียนที่ตอนนีัมีคนนั่งให้เต็มไปหมด..กล่าวสวัสดีกับคนที่น่าจะเป็นคุณครูแล้วส่งจดหมายเรียกตัวไปให้เธอดู เพราะไม่รู้ว่าจะบอกครูยังไงว่าฉันมาเรียนวันแรก..ครูรับไปอ่านจบก็บอกให้ไปนั่งที่กับนักเรียนคนอื่นๆอีก 12 คนที่นั่งอยู่ตามโต๊ะรูปตัวยู  ก่อนเริ่มเรียนมีเจ้าหน้าที่คนสวยมาบรรยายเรื่องการแยกขยะให้ฟัง ว่าถังขยะแต่ละสีใส่ขยะอะไรบ้าง ผ่านไปร่วมชั่วโมงครูก็จับแยกเป็นกลุ่มแล้วเดินเอาใบเซนต์ชื่อมาให้ฉันพร้อมทั้งส่งชีทมาให้หนึ่งแผ่นเป็นหัวข้อการแนะนำตัวเอง โดยให้เริ่มกรอกรายละเอียดของตัวเองลงไปก่อนแล้วจะให้แนะนำตัวเองตามชีท..อ่านตามนั่นแหละ แล้วจากนั้นจะให้จับคู่พลัดกันถาม-ตอบ ..กลุ่มที่ฉันอยู่มีอีก 4 สาว 2 คนมาจากตุรกี มาเซโดเนียและ โมรอคโค

ฉันใช้เวลาไม่นานก็กรอกเสร็จเพราะเคยทำแบบนี้มาหลายครั้ง แต่อีก 4 สาวที่เหลือดูเหมือนมันจะไม่ง่ายเลย เพราะว่าพวกเธอพูด อ่าน เขียน ไม่ได้เลย  ฉันเลยเอาชีทของฉันให้ดูพร้อมอธิบายให้ฟังว่าแต่ละข้อให้กรอกอะไร..สงสัยละสิว่าคุยภาษาอะไรกัน..แรกๆก็อังกฤษเพราะสาวมาเสโดเนียเธอพอฟังได้ แต่หลังๆครูดุว่าให้พูดฝรั่งเศส ห้ามพูดภาษาอื่น ฉันเลยต้องพูดฝรั่งเศสแบบงงๆ ปนกับภาษามือจนเข้าใจกัน เกือบสองชั่วโมงผ่านไปวันนี้ฉันได้แต่ถาม-ตอบ หัวข้อแนะนำตัวเองกับ 4 สาว  แอบมองกลุ่มอื่นมีเรียนเรื่องการไปซื้อของตั้งแต่เรื่องของคำศัพท์รวมถึงบทสนทนา  อีกกลุ่มเป็น สว. ที่กำลังหัดเขียนตัวอักษร ..ครูมีอยู่คนเดียวเพราะฉะนั้นก็จะไล่สอนไปทีละกลุ่ม

จนเกือบห้าโมงเย็นมีเพื่อนคนหนึ่งในห้องบอกครูว่า ต้องขอออกก่อนเพราะว่าตอนนี้อยู่ในช่วงวันหยุด รถเมล์วิ่งน้อยลง ถ้าขึ้นไม่ทันเที่ยวห้าโมงเย็น ต้องรอเป็นชั่วโมงกว่าเที่ยวถัดไปจะมา..ครูถามว่าใครต้องขึ้นรถเมล์บ้าง..เห็นยกมือกันทุกคน แม้แต่คนที่ขับรถมาเอง หรือประเภทมีสารถีมาคอยรับ-ส่งอยู่แล้ว..ฉันที่ยังงงๆกับตารางรถเมล์เลยหยิบสมุดตารางรถเดินไปถามเพื่อนๆ ถึงรู้ว่าทำไมฉันมาสาย เพราะว่าตารางรถเส้นทางหนึ่งจะแบ่งเป็นช่วงเวลาปกติ และวันเสาร์และช่วงเทศกาลอีกตารางหนึ่ง วันนี้ถึงไม่ใช่วันเสาร์แต่เป็นเทศกาลที่โรงเรียนหยุดเลยต้องไปดูอีกตารางหนึ่ง..แม่เจ้าพึ่งจะรู้

ดูตารางรถแล้วฉันพลาดเที่ยวก่อนหน้านี้ไปแล้ว อีกครึ่งชั่วโมงคันใหม่ถึงจะมา..ฉันเลยไม่รีบร้อนออกจากห้องเรียนตามเพื่อนๆไป  เดินไปหาครูพร้อมเอาคำถามที่ฉันแอบสงสัยจากการเรียนภาษาเองกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ไปถามครู..ครูอธิบายให้ฟังแล้วถามกลับมาว่า ถ้างั้นวันนี้ที่เรียนก็ง่ายเกินไปสำหรับฉันนะสิ..ฉันบอกว่าก็รู้หมดแล้ว แต่ได้ฝึกพูดก็ดี..เธอเลยให้ชีทที่เธอสอนอีกกลุ่มที่ยากขึ้นมาให้ฉันแล้วบอกว่า ลองเอาไปอ่านดู แล้วคราวหน้าเอาการบ้านมาส่งด้วย..

ได้เวลานั่งรถเมล์กลับบ้าน ขากลับไม่ได้รู้สึกกังวลอะไรเหมือนตอนมา เลยมีเวลามองคนอื่นบ้าง  เห็นหลายคนที่ไม่มีตั๋วรายเดือนซื้อตั๋วเป็นเที่ยวเหมือนฉัน แต่พอเขาได้ตั๋วมาแล้ว ดันไปสอดเข้าเครื่องเล็กๆที่เสาด้านหลังเบาะคนขับด้วย..ดูอยู่หลายคนถึงได้รู้ว่าเขาเอาตั๋วไปประทับตราวันที่..กันพวกลับลอบเอาตั๋วเดิมๆมาวนใช้..เหรอ แต่หนูไม่ได้ทำอ่ะ อย่าว่าหนูเลยนะ ไม่รู้จริงๆ

กลับมาบ้านนั่งพักให้หายหนาว ก็ได้เวลาเตรียมมื้อเย็นกว่าจะเสร็จก็ก่อนสามีกลับมาบ้านไม่นาน..ไม่เหมือนตอนไม่ได้ไปเรียน ทอดไก่รอจากหนังกรอบเป็นหนังเหี่ยวเธอก็ยังไม่มา ..ระหว่างมื้อเย็นเราคุยกันเรื่องโรงเรียนใหม่ พอฉันบอกว่าวันนี้ไปสายเพราะว่าดูตารางรถผิดอัน ไม่ได้ดูในช่วงเทศกาล  พ่อตัวดีเลยเหวอแล้วรีบขอโทษว่า เออ ใช่ ลืมบอกฉันไปว่ามันเริ่มเทศกาลตั้งแต่วันเสาร์แล้ว..หึ สายไปแล้ว..ฉันตกรถไปเรียบร้อยแล้วยะ..ชิ

Tuesday, March 8, 2011

เตรียมตัวไปเรียนแบบเต็มขั้น

หลังจากไปทดสอบความรู้ภาษาฝรั่งเศสมาแล้ว ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์พ่อตัวดีก็ถือจดหมายฉบับหนึ่งมายื่นให้ตรงหน้า..เนื้อความเขียนไม่เยิ่นเย้อ เพราะคงรู้ว่าอารัมภบทเยอะจะอ่านแล้วปวดหัวกันมากกว่า..จับใจความได้ว่าวันจันทร์หน้าให้ไปเรียนได้แล้ว..

คอร์สเรียนภาษานี้ใช้เวลารวม 240 ชั่วโมง เรียนสัปดาห์ละ 16 ชั่วโมง โดยเรียนวันละ 4 ชั่วโมงยกเว้นวันพุธที่จะไม่มีเรียน..รวมกับคอร์สเรียนเดิมที่  Maison de quatier ฉันก็จะมีชั่วโมงเรียนอาทิตย์ละ 20 ชั่วโมง หายไป 2 ชั่วโมง เพราะว่าเวลาเรียนชนกัน เลยตัดเลือกเรียนที่ใดที่หนึ่ง..แน่ละ ฉันเลือกโรงเรียนจากโอฟี่ไว้ก่อนเพราะว่า ที่นี่ค่อนข้างจะมีกฎเข้มงวดเรื่องการเข้าเรียน คือ ห้ามมาสาย ห้ามขาดเรียนเกิน 3 ครั้ง หากป่วยต้องมีใบรับรองแพทย์มาแสดงด้วย ถ้าฝ่าฝืนคุณครูก็จะรายงานไปที่ โอฟี่ทันที เพราะว่า ถือว่าให้เรียนฟรีแล้วไม่ตั้งใจก็จะถูกหมายหัวไม่ให้การช่วยเหลือใดๆต่อไป

ทันทีที่อ่านจดหมายจบ ฉันรีบดัดเสียงอ่อนหวาน หน้าตาซื่อๆ หันไปถามพ่อตัวดีว่า พรุ่งนี้วันเสาร์ไม่ต้องไปทำงานใช่มั้ย..พ่อตัวดีพยักหน้ารับแต่แววตางงๆ เพราะร้อยวันพันปี นังเมียบ้าไม่เคยจะออดอ้อนแบบนี้ คราวนี้มันต้องขอให้ทำอะไรอีกแน่ๆ..ฉันเอียงคอแอ๊บแบ๊วว่า..พาไปซื้อตั๋วรถเมล์รายเดือนหน่อยนะ..เพราะสามีคงไม่มีเวลาไปส่งคุณเมียไปเรียนได้ทุกวันใช่มั้ย  ต้องรถเมล์ไปเอง ซื้อตั่วไปกลับเที่ยวละยูโร วันหนึ่งก็ 2 ยูโร อาทิตย์ละ 8 ยูโร..ซื้อตั๋วเดือนดีกว่า เดือนละ 24 ยูโร นั่งไปเลยไม่จำกัดจำนวนเที่ยว..พ่อตัวดีบอกว่า เสียดายที่ฉันแก่เกินไป ถ้าต่ำกว่า 25 ปีนะ..เดือนละ 6 ยูโรเอง..

หนอย..มานึกเสียดายเงินหรือเสียดายชะตากรรมตัวเองที่เลิอกเมียชรา..ต้องกราบกรานและเทิดทูนบูชาเมียนะคะ ..จะหาที่ไหนได้ เมียที่เสนอตัวนั่งรถเมล์ไปเรียนเองไม่ต้องเดือดร้อนสามี..ถือว่าวาสนาฉันน้อยแต่คุณชายวาสนาสูง เราถึงได้มาลงเอยกันได้..ไม่งั้นป่านนี้ฉันอาจได้ไปอยู่ในที่สูงกว่านี้ก็เป็นได้...คานนั่นเอง

จนเช้าช่วงสายของวันเสาร์ ฉันนั่งเล่นอินเตอร์เนทรอให้พ่อตัวดีตื่น  ในใจกะไว้ว่าสิบเอ็ดโมงจะเข้าไปเรียกเพราะว่าวันเสาร์เปิดขายตั๋วรายเดือนแค่ครึ่งวัน ปิดเที่ยง เพราฉะนั้นนอนเอาบ้านเอาเมืองจนถึงสิบเอ็ดโมงก็น่าจะเพียงพอ..นี่ขนาดว่าเห็นใจนะว่าตื่นแต่ไก่ยังไม่มีแรงโห่ออกไปทำงานทุกวัน กว่าจะกลับมาบ้านอีกทีไก่ก็หลับไปนานแล้ว เลยปล่อยให้พักผ่อนนอนใจไปเรื่อยๆ ก่อน  ส่วนฉันเตรียมเอกสารที่ต้องใช้ในการซื้อตั๋วเดือน คือ พาสปอร์ตและรูปถ่าย 1 ใบ

จนเกือบ 11 โมง สามีรู้งานก็ตื่นมาเองโดยไม่ต้องใช้กำลังข่มขู่..ส่งเสียงมาบอกว่า  ขอเวลา 10 นาทีแล้วออกไปซื้อตั๋วกัน..น่ารักมาก..จูงมือกันกระหนุงกระหนิงเดินไปไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงสำนักงานขายตั๋วรถเมล์..มีคนรอใช้บริการอยู่หนาตา ตอนแรกฉันคิดว่าช่วงสิ้นเดือนแบบนี้ คนอื่นก็คงมาซื้อตั๋วเดือนแบบฉันเหมือนกัน..แต่พอสนทนาระหว่างเข้าคิวก็ทราบว่า คนอื่นเขามาเปลี่ยนตั๋วรายเดือนแบบเดิมที่เป็นกระดาษธรรมดา มาเป็นการ์ดแข็งมีชิป หน้าตาคล้ายสมาร์ทการ์ดแบบบ้านเราที่ตอนนี้ยังต้องลุ้นกันใจหายใจคว่ำว่าจะได้ใช้กันก่อนสงกรานต์มั้ย เพราะได้ยินเสียงร่ำลือว่า บางคนถือบัตรเหลืองมาร่วมปีเพราะสมาร์ทการ์ดติดปัญหา

มาถึงคิวของเราแล้ว..พ่อตัวดีเอ่ยปากบอกพนักงานขายตั๋วไปว่า มาทำบัตรรายเดือนครับ เพราะภรรยาผมต้องไปเรียนเองทุกวัน..บอกซะละเอียด เพราะกะว่าพนักงานจะเมตตาถ้าเป็นนักเรียนแล้วจะลดค่าตั๋วให้..ฝันไปก่อนเถอะ..นักเรียนที่จะมีสิทธิ์ขอส่วนลดเหลือ 6 ยูโรต่อเดือน ต้องอายุไม่เกิน 25 ปียะ..แต่ถ้าไม่เรียนแล้ว 18 ขวบก็หมดสิทธิ์..เพราะฉะนั้นยัยนักเรียนแก่นี่ต้องจ่ายเต็มนะคะ..รับคำแบบจ๋อยๆ พร้อมส่งพาสปอร์ตและรูปส่งไปให้..ไม่เกิน 5 นาทีก็ได้บัตรมาครอบครองแลกกับ 24 ยูโรที่เสียไป..พนักงานบอกว่าเริ่มใช้บัตรได้วันที่ 1 ของแต่ละเดือน หมดอายุก็ตอนสิ้นเดือน อย่าลืมมาต่อบัตรด้วยหล่ะ..ฉันฟังแล้วแอบสะกิดพ่อตัวดีว่า วันจันทร์ที่หนูจะไปเรียนมันวันที่ 28 กพ. อยู่เลยอ่ะ ทำไงอ่ะ...สามีหันไปถามพนักงานก็ได้คำตอบว่า ไปซื้อตั๋วบนรถเมล์กับคนขับได้เลย..รถเมล์ที่นี่ไม่มีกระเป๋ารถเมล์คอยเก็บเงินแบบบ้านเรา

ก่อนกลับบ้าน ฉันขอให้คุณชายพาไปดูป้ายรถเมล์ที่ฉันต้องขึ้น  ...อย่าเพิ่งคิดว่าฉันเกิดอาการสมองตายหรือไง ไม่รู้จักป้ายรถเมล์ที่ออกจะคุ้นเคยสมัยอยู่เมืองไทย..ป้ายรถเมล์ที่นี่จะไม่รวมหลายๆสายแบบบ้านเรา จะแยกไปเลยเป็นป้ายของแต่ละสาย ขนาดสายเดียวกันแต่ขาไปกับขากลับยังแยกป้ายกันเลย ป้องกันคนขึ้นสับสน ที่ป้ายก็จะมีเขียนบอกไว้เลยว่าที่นี่สำหรับสายอะไร จากไหนไปไหนและมีตารางเวลาให้ดูด้วย..

เดินอุ่นใจกลับไปบ้าน หลังจากเตรียมบรรดาสมุด เครื่องเขียนและดิกชันนารีเรียบร้อยสำหรับการไปเรียนแล้ว (เก็บอาการเห่อไว้ไม่อยู่) ฉันก็สาละวนกับสมุดตารางรถที่ได้มาตอนไปซื้อตั๋ว เพื่อศึกษาเส้นทางว่าจะนั่งสายอะไรไปเรียนดี เพราะว่ามีให้เลือก 2 สาย..รู้สึกตื่นตัวหลังจากหมกตัวเป็นศพอืดๆ อยู่ในบ้านมานาน ..คราวนี้จะออกไปเผชิญหน้าชาวโลกบ้างแล้ว..หมายมั่นอยู่ลึกๆว่า ต่อไปนังสามีจะน้ำตาเช็ดหัวเข่า..เมียแก่อย่างฉันจะหนีเที่ยวบ้าง ..ทีหนูป้าไม่ว่า..ถึงคราวป้าหนูอย่ามาโวย หึๆ

Sunday, March 6, 2011

เริ่มมีหวังไปเรียนฟรีกับ OFII

3 วันผ่านไปหลังจากส่งจดหมายไปขอคอร์สเรียนภาษาฝรั่งเศสกับ OFII อีกครั้ง..ฉันก็ได้รับจดหมายตอบกลับมาว่า ..ได้รับทราบเรื่องแล้ว แต่ให้ส่งจดหมายอีกฉบับไปแจ้ง วันเดือนปีเกิดของฉัน และเลขที่แฟ้มเอกสารของโอฟี่ เพื่อที่จะได้สะดวกต่อการติดตามเรื่องให้อีกครั้ง...นั่งฟังสามีแปลให้ฟังด้วยอาการเซ็งจิตกับวิถึราชการแบบที่นี่..ท่านชอบจริงๆ เรื่องเอกสารเนี่ย จะหัวหกก้นขวิด หรือจะร้องแร่แห่กระเชิงอะไรก็ต้องส่งเป็นจดหมาย..แต่สามีอ่านแล้วโกรธไม่ยอมที่จะส่งจดหมายให้เสียเวลา โทรไปเลยดีกว่า...

ปลายสายรับแล้ว...ฟังภาษาบ้านเขาไป ชาวเราก็ได้แต่นั่งอึ้ง จนพ่อตัวดีวางสายลงอย่างหัวเสียแล้วหันมาเล่าให้ฟังว่า  โทรไปหาเจ้าหน้าที่ที่ส่งจดหมายกลับมา เพื่อที่จะแจ้งรายละเอียดเพิ่มเติม..ปรากฎว่าเธอผู้นั้น ได้ลาพักร้อน อาทิตย์หน้าถึงจะกลับมาทำงานตามปกติ...เจ้าหน้าที่คนที่รับสายก็ดีใจหาย..บอกว่าจะช่วยดำเนินการให้ แต่ แต่ แต่ ให้ส่งจดหมายไปอีกครั้ง..เท่ากับเริ่มต้นใหม่นั่นเอง..เซ็งอย่างแรง

เราสองคนตัดสินใจที่จะรอดีกว่าจะดึงดันส่งจดหมายไปให้ซ้ำซ้อน เดี๋ยวพาลจะเกิดอาการหมั่นไส้จนไม่ได้เรียนอีก..แกล้งลืมๆเวลาออกไปเรื่อยๆ จนครบอาทิตย์ พ่อตัวดีก็โทรไปติดต่ออีกครั้ง..พักร้อนซินโดรมคงระบาดนิดหน่อย เธอคนนั้นเกิดอาการสมองตายชั่วขณะ พูดแต่ว่าไม่รู้เรื่องเลย ไม่เห็นมีเอกสาร..จนพ่อตัวดีอ่านข้อความในจดหมายที่เธอส่งมาให้ฟังเท่านั้นแหละ เธอถึงคืนสติกลับมาได้ทันใด..เธอบอกว่า  เธอจะทำการลงทะเบียนรอเรียนให้ฉัน แต่ยังให้คำตอบไม่ได้ว่าจะได้เรียนเมื่อไร เพราะมีคนรอเรียนอีกเยอะ..เอาเถอะ อย่างน้อยก็เห็นความก้าวหน้าอะไรมานิดนึง ได้สิทธิ์รอไปเรียนก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย

ผ่านไปสองอาทิตย์ฉันก็ได้จดหมายเรียกให้ไปคุยรายละเอียดเรื่องเรืยนในอาทิตย์หน้า..แถมบอกวิธีนั่งรถเมล์ให้อีกด้วย..ท่าทางจะอยากให้เริ่มต้นทำอะไรเอง..แต่ช้าก่อน ป้าขอใช้บริการสามีดีกว่า..เพราะวันนั้นสามีเลิกงานเร็วพอดี..บ่ายว่างไปเป็นเพื่อนป้าแล้วกันนะจ๊ะ..สามี

ตอนไปถึงมีหลายคนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ราวๆสิบกว่าคน ส่วนมากเป็นหญิงอาหรับสังเกตได้จากผ้าคลุมผม เจ้าหน้าที่มี 2 คน ที่ทำหน้าที่สัมภาษณ์ไปทีละคนไล่ตามโต๊ะรูปตัว U  จนพักใหญ่ก็มาถึงคิวของฉัน เจ้าหน้าที่ขอดูจดหมายเรียกตัวแล้วเขียนชื่อ-สกุลของฉันลงไปในแบบฟอร๋มอีกใบในมือของเธอ แล้วยื่นมาให้ฉันเซนต์ชื่อต่อ เธอส่งข้อสอบมาให้สองแผ่น มีรูปภาพสิ่งของให้เติมคำลงในช่องว่าง ส่วนอึกใบให้เลือกประโยคที่ถูกต้องตรงกับภาพที่ให้มา..สำหรับฉันที่ผ่านการเรียนและฝึกด้วยตัวเองมาแล้ว มันไม่ยากเท่าไร..แต่อีกหลายคนในห้องนั่น อย่าว่าแต่ทำเลยเขียนไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่เชื่อมั้ยว่าพูดกันคล่องมาก

เจ้าหน้าบอกให้หยุดทำข้อสอบแล้วชี้แจ้งรายละเอียดของคอร์สเรียน ที่นี่จะเปิดสอนทั้งหมด 240 ชั่วโมง เมื่อครบแล้วจะต้องมีการสอบเพื่อให้ได้ใบประกาศระดับ DILF ซึ่งเป็นระดับพื้นฐานถือว่าง่ายที่สุด ถัดไปจะเป็น DELF A1 , A2  เจ้าหน้าที่บอกว่าหากการทดสอบวันนี้ คนไหนพอมีพื้นฐานก็จะลดเหลือ 180 ชั่วโมง   ซึ่งคนที่มาที่นี่แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ พวกที่โอฟี่ส่งมาให้เรียนโดยตรงนับแต่วันที่ไปรายงานตัวขอสติกเกอร์มหัศจรรย์  พวกที่สองคือ pôle emploi หรือกรมหางานส่งให้มาเรียน  แต่ฉันเองไม่เข้าข่ายอะไรเลย คือ ดื้อขอมาเรียน  ดังนั้นการทดสอบจะไม่ส่งผลอะไรกับฉันทั้งสิ้นเพราะว่าเขาจะให้เรียนเต็มอัตราตามที่ฉันร้อนรนอยากเรียนมานาน การทดสอบของฉันเพียงเพื่อให้ครูรู้ว่าฉันมีทักษะแค่ไหนเท่านั้นเอง..จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ไล่สัมภาษณ์พร้อมบอกชั่วโมงเรียนของแต่ละคน..

การเรียนจะเรียนทุกวันยกเว้นวันพุธ และเสาร์-อาทิตย์ วันละ 4 ชั่วโมง ห้ามมาสายหรือขาดเกิน 3 ครั้ง  หากไม่สบายก็ต้องมีใบรับรองแพทย์มาส่งด้วย..ฉันได้รับมา 240 ชั่วโมง เมื่อเจ้าหน้าที่ถามว่าฉันสามารถมาเรียนได้ตลอดเวลาเลยมั้ย ติดภาระอะไรหรือเปล่า  ประเภทเลี้ยงลูก หรือติดงาน..คำตอบคือ ว่างตลอดค่ะ..จากนั้นก็ให้กรอกประวัติส่วนตัว เมื่อเสร็จแล้วเธอบอกให้กลับไปได้ รอการติดต่อกลับอีกครั้งสำหรับคอร์สเรียนว่าจะเริ่มเมื่อไร ซึ่งเธอไม่สามารถบอกได้ในตอนนี้

เพื่อนที่เรียนด้วยกันที่ Maison de quartier ถามฉันถึงเรื่องเรียนกับโอฟี่ เพราะเราเจอกันเมื่อวันที่ไปรายงานตัวเหมือนกัน เพียงแต่ไม่มีโอกาสได้คุยกัน..คาเมล่าบอกว่า เธอก็ได้คอร๋สเรียนเหมือนกัน เพียงแต่ว่าได้แค่ 180 ชั่วโมงเพราะว่า คราวนี้เป็นการเรียนครั้งที่สองของเธอ..ครั้งแรกที่เรียนคือเมื่อสองปีก่อนตอนมาอยู่ใหม่ๆ ตอนนั้นได้ 300 ชั่วโมง มาถึงตอนนี้ เธอหย่าขาดกับสามีจึงต้องหางานทำ เลยถูกส่งมาเรียนก่อน..ฉันและคาเมล่าเฝ้ารอโทรศัพท์และอีเมล์เรียกตัวไปเรียน  จนในวันหนึ่งหลังจากผ่านไปเกือบอาทิตย์  สามีเดินถือจดหมายมาบอกว่า วันจันทร์ที่จะถึงนี้เริ่มไปเรียนได้แล้วนะ..ฉันอึ้งไปไม่รู้จะบอกว่าดีใจมั้ย มันเหมือนก็สมหวังแต่ก็มีความกังวลอยู่เล็กๆว่าจะไปเรียนยังไง..คราวนี้ต้องนั่งรถเมล์ไปเองจริงๆแล้ว..ก่อนสามีออกไปทำงานฉันรีบอ้อนว่า พรุ่งนี้วันเสาร์พาไปซื้อตั๋วเดือนไว้ขึ้นรถเมล์ด้วยนะ..

ฉันเริ่มดีใจที่จะมีกิจกรรมอะไรให้ทำนอกเหนือจากไปเรียนเพียง 6 ชั่วโมงต่อสัปดาห์แล้วกลับมานั่งจ๋อยอยู่คนเดียวรอสามีกลับบ้่านจดมืดค่ำ..ออกไปพบปะผู้คนอาจทำให้อาการฟุ้งซ่าน จิตตกหายไป..ฉันอาจจะมีเพื่อนใหม่ๆ ไม่ต้องมานั่งจดจ่ออยู่กับสามีเพียงคนเดียว  จนอาจจะรู้เมื่อสายว่าความรัก ความห่วงใยของฉันที่มุ่งไปที่เขาคนเดียวมันกลายเป็นความอีดอัดสำหรับเขาโดยไม่รู้ตัว