Wednesday, December 15, 2010

พัฒนาความสัมพันธ์

หลังจากสองเราคบหาดูใจแบบทุลักทุเลกันอยู่นานหลายปี..ที่ว่าทุลักทุเลคือ ใน 365 วันแห่งรัก จะมีสัก 30 วัน บวกลบจากนั้นไม่เท่าไรต่อปีเท่านั้น ที่ฉันและพ่อตัวดีจะได้ใช้เวลาพบปะตัวจริง เสียงจริง ฉันท์คู่รักทั่วไป ส่วนอีกสามร้อยกว่าวันที่เหลือก็ต้องพูดจาภาษารักกันผ่านสื่ออิเลกทรอนิกส์ทุกรูปแบบ..แต่บางวันระดับฮอร์โมนในร่างกายแปรปรวนเข้าขั้นวิกฤต ฉันก็ฟาดงวงฟาดงาหาเรื่อง จับผิด จนทะเลาะกันใหญ่โต ทั้งฉันเองที่แอบน้ำตาเล็ดแต่ยังไม่เช็ดหัวเข่า ส่วนพ่อคน sensitive ก็โทรมาร้องห่มร้องไห้ หรือแม้แต่ น้ำตาไหลคา webcam ก็บ่อยครั้ง..ซึ่งก็ไม่รู้ว่าหลังจากเลิกแชทแล้ว หล่อนจะลุกขึ้นปาดน้ำตาทิ้งแล้วลั้นลาออกไปปาร์ตี้สบายใจเชิบๆ รึเปล่า

ความสัมพันธ์ที่ต้องให้กำลังใจทั้งตัวเองและอีกฝ่ายให้อดทนรอให้ถึงวันที่เราอาจจะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน..มันผ่านไปตามครรลองของสองชีวิตที่มาเจอกันแต่ต้องแยกกันดำเนินชีวิตของแต่ละคนไปก่อน จนวันหนึ่งหลังคริสต์มาสผ่านไปสองสามวัน ฉันมาเยี่ยมเยือนปารีสเหมือนเคย นั่งดูทีวีกันอยู่สองคน ส่วนคนอื่นๆในบ้านของเขา แยกย้ายไปปาร์ตี้นอกบ้านกันหมด..คุณตัวดีขอตัวออกไปเอาเครื่องดื่มร้อนๆมาจิบแก้หนาวระหว่างดูทีวี..หายไปพักใหญ่ เขากลับมาอีกทีพร้อมโกโก้ร้อนๆสองแก้ว แต่มีของแถมมาด้วย วินาทีนั้นฉันยังไม่เข้าใจนักว่า หล่อนจะลงไปคุกเข่านอบน้อมฉันทำไมยะ แค่เอาโกโก้มาให้ไม่ต้องลงทุนคลานเข่าเข้ามาหาฉันก็ได้..ฉันไม่ใช่คุณหญิง คุณนายที่ไหน..แต่สุดท้ายฉันก็เห็นแหวนวงโตมีเพชรเม็ดกระจ้อย (วงโตเพราะว่านิ้วของฉันอวบมากส่วนเพชรเม็ดกระจ้อย มาได้คำจำกัดความจากกูรูเรื่องเพชรแล้ว ท่านให้คำจำกัดความแก่ฉันมาว่า "เล็กเท่าขี้ตามด")

Will you marry me? ถ้าฟังไม่ผิด ฉันได้ยินมาแบบนั้นจริงๆ พร้อมแหวนเพชรเม็ดกระจ้อยของฉันถูกยื่นมาตรงหน้าจากมือใหญ่ๆของเจ้าของดวงตาสีน้ำข้าวนั่นที่ตอนนี้มันจ้องมาที่ฉันแบบจริงจังและรอคำตอบอยู่ในที

ความรู้สึกตอนนั้นฉันไม่ได้ดีใจ หรือว่า วาบหวิวแล้วโผเข้ากอดเขา ตามแบบหนังรักโรแมนติกที่ฉันดูมาหลายต่อหลายเรื่อง..ฉันเอาแต่อึ้งแล้วก้มลงมองหน้าเขาอยู่เป็นนาน และนาน มันคงนานจนทำให้พ่อหนุ่มตัวดีใจเสีย..น้ำตาคลอเบ้าแล้วถามออกมาว่า ฉันไม่ตกลงเหรอ..

ฉันเงียบไปพักใหญ่ เพราะว่ายังงงๆกับเหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นและตกใจว่า ทำไมชายตัวโตอย่างเขาน้ำตาไหลรินได้ง่ายจัง..จนสติฉันกลับมาอีกครั้ง..ฉันเอื้อมมือไปจับมือเจ้าของร่างสูงใหญ่ที่คุกเข่าอยู่ที่พื้นให้มานั่งบนโซฟาข้างๆฉัน..แล้วฉันก็ขอบคุณที่เขาแสดงออกถึงความรู้สึกที่จริงจังในการอยากใช้ชีวิตกับฉัน แต่สำหรับฉันในตอนนั้นแล้วสามปีของการคบหา ฉันว่ามันยังเร็วเกินไป แต่ไม่ได้หมายความว่า ฉันไม่ได้รักเขา..แต่ฉันยังไม่พร้อมและหวงความโสดอยู่นั่นเอง..

กว่าฉันจะอธิบายและขอให้เราสองคนคบหากันแบบนี้ไปก่อนแล้วรอจนกว่าจะถึงวันนั้นก็ใช้เวลานานร่วมชั่วโมง พ่อหนุ่มตาหวานก็กลายเป็นพ่อหนุ่มตาบวมปูด แต่ก็ยังยืนยันว่าแหวนที่ให้นั้น ไม่ใช่แหวนแต่งงาน แต่ขออนุญาตสวมให้เพื่อยืนยันถึงความรู้สึกของเขา..นิ้วนางข้างขวาของฉันที่ตอนนี้มีแหวนวงนั้นมาสวมอยู่ ฉันก้มลงดูมันอยู่นาน (ไม่ได้หามุมส่องน้ำเพชรนะคะ)จนฉันเงยหน้าขึ้นมองเขาอีกครั้งและขอบคุณที่เขายังจะอดทนรอฉันต่อไปจนกว่าฉันจะพร้อมกว่านี้..

เจ้าสาวที่กลัวฝน..ฉันอาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้..ถึงแม้อายุจะแตะเลขสามแล้วก็หาได้ใส่ใจไม่ ฉันแอบโล่งใจที่พ่อหนุ่มของฉันเข้าใจและยังให้เวลาฉันบ้าง..

ความรักฉันท์คู่รักมันคือเรื่องราวของคนสองคนแต่ถ้าความสัมพันธ์มันพัฒนาไปจนถึงขั้นปลงใจที่จะแต่งงานกันแล้ว..มันจะกลายเป็นเรื่องของคนหลายคนเลยทีเดียว.. ฉันและพ่อตัวดียังไม่ทราบชะตากรรมของตัวเองเลยว่า กว่าจะได้ครองคู่แบบรักข้ามแดน เราสองคนจะต้องเจออะไรอีกบ้าง..ละครชีวิตของฉันมันยังดำเนินต่อไปอีกยาว

No comments:

Post a Comment