Wednesday, December 22, 2010

ถึงคราววิวาห์

ฉันยืนรออยู่ที่ลานจอดรถของที่ว่าการอำเภอสำหรับทำพิธีแต่งงานที่มีขึ้นในตอนบ่ายแก่ของวันเสาร์หนึ่งในเดือนสิงหาคม..ฉันรอพร้อมกับน้องสาวเจ้าบ่าวที่งานนี้ทำหน้าที่ทั้งพยานและเพื่อนเจ้าสาว ส่วนน้องชายคนเล็กตัวกระเปี๊ยกทำหน้าที่เป็นคนถือแหวนแต่งงาน..ชุดไทยจักรีที่แม่ช่วยเลือกให้ฉันสำหรับวันแต่งงาน ทำให้คนที่นี้ตะลึงเมื่อได้เห็นความงามแบบไทย..ทั้งที่จริงแล้วชุดแต่งงานแบบไทยระดับที่เจ้าสาวที่เมืองไทยนิยมใส่กันจะมีความวิจิตรตระการตามากกว่าชุดนี้..แต่ด้วยความที่ฉันไม่มีเวลาเตรียมตัวในเรื่องเสื้อผ้ามากนัก..ฉันเลยทำได้แค่ไปซื้อชุดที่ทางร้านเย็บไว้สำเร็จเรียบร้อยแล้วเท่านั้น เลยยังไม่อลังการงานสร้างแบบที่เจ้าสาวเมืองไทยใส่กัน..ดีที่วันนั้นแม่ยังคงกรุณาฉันอยู่มาก ท่านไปช่วยเลือกชุดให้ด้วย..เลยบังคับให้ฉันเอาชุดนี้ที่ขนาดเล็กกว่าชุดไซส์เอ็กซ์แอลที่แอบใส่สบายเพราะมันหลวม..แม่บอกว่าเอาชุดนี้ไป แล้วก็ลดน้ำหนักเอา

ไม่น่าเชื่อว่าสามอาทิตย์ก่อนแต่งงานในแดนน้ำหอม ฉันก็ทำได้จริงๆ น้ำหนักหายไปหลายกิโลจนสามารถใส่ชุดนี้ได้ไม่ปลิ้น..ทั้งทีฉันต้องกล้ำกลืนฝืนกินสารพัดชีสและขนมนมเนยที่คุณตัวดียัดเยียดมาให้..ฉันเลยต้องแอบออกกำลังกายหน้าจอทีวีตอนที่เขาออกไปทำงานแล้วเท่านั้น..สารพัดวีดีโอแอโรบิกแดนซ์ช่วยคุณได้

ถึงแม้ว่าพิธีจะเริ่มบ่ายสาม แต่ฉันก็ตื่นมาเตรียมตัวตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า..ทั้งทีคืนก่อนแต่งงาน ฉันเปิดศึกสงครามน้ำตากับคุณว่าที่ไปชุดใหญ่..มันอาจเป็นอาการเจ้าสาวกลัวฝนทำให้ออกอาการเหมือนไม่อยากแต่ง..พาลให้หาเรื่องทะเลาะกับเขาด้วยเรื่องงี่เง่า..แน่ละคุณชายหาได้ใส่ใจไม่..เขามาบอกภายหลังว่า เขาพยายามจะไม่คิดมากเวลาฉันอาละวาดใส่เพราะเข้าใจดีว่าฉันคงรู้สึกว้าเหว่อยู่ลึกๆกับการมาใชีชีวิตใหม่ที่นี่ ไม่มีครอบครัว ไม่มีเพื่อนฝูง มีแต่เขาเท่านั้น..แปดโมงเช้า พ่อแม่ พี่น้องและพยานทั้งสี่คนที่ต้องเข้าพิธีในงานแต่งงานเริ่มทยอยมา..พวกเขาเดินทางมาจากปารีส ขับรถมาเกือบห้าชั่วโมงกว่าจะถึงลียง..เห็นมั้ยว่า ตอนแค่รักกันมันเรื่องของคนสองคน แต่ถ้าคิดถึงเรื่องแต่งแล้วละก็ มันจะลามปามกลายเป็นเรื่องของคนหลายคนเลยทีเดียว

แม่และน้องสาวของพ่อตัวดีมาตามให้ฉันออกไปทำผมที่ร้านที่คุณตัวดีไปติดต่อไว้เมื่อวานอย่างฉุกละหุก เพราะว่าช่างเดิมที่นัดไว้ให้มาช่วยแต่งหน้าทำผมให้ฉันในวันงาน..ดันโทรมายกเลิกก่อนวันงานวันเดียวซะงั้น เพราะว่าเขากลับจากวาเคชั่นไม่ทัน..อืมม รับผิดชอบดีจริงๆ..ฉันเตรียมแบบผมสำหรับชุดไทยไปให้ช่างที่ร้านดู เพราะรู้ดีว่าเราคงคุยกันไม่รู้เรื่อง..แม่และน้องสาวของเขาต้องแยกตัวไปทำผมอีกร้านหนึ่งเพราะหากมารอทำร้านเดียวกันคงไม่ทันแน่ๆ..ฉันนั่งนิ่งๆให้ช่างทำผมเกล้าแถมมีแซมดอกไม้ประดับพร้อมหมุดมุกหลายสิบอัน..มันคงเยอะจนลูกค้าคนอื่นสงสัยว่าอีกะเหรี่ยงนี้มันสั่งให้ทำผมอะไร จนเจ้าของร้านต้องบอกว่า แต่งงานย่ะ คนนี้เขาเป็นเจ้าสาวนะ..

กลับจากร้านทำผมเพียงคนเดียว..ตอนนี้ทั้งบ้านไม่มีใคร ฉันเลยตัดสินใจอาบน้ำอีกรอบเพราะคิดว่า ไม่งั้นคงไม่มีเวลาแล้ว..จากนั้นฉันก็หมกตัวอยู่ในห้องพร้อมกองเครื่องสำอางเต็มโต๊ะ..เสียงผู้คนทยอยกันกลับมาพร้อมขนข้าวของสำหรับงานวันนี้เข้ามาในบ้านด้วย..ฉันนั่งแต่งหน้าตัวเองอย่างช้าๆ และตั้งใจมากที่สุดเพราะไม่อยากเป็นเจ้าสาวหน้าเหียก..แต่งจนเมื่อยมือเริ่มปลอบใจตัวเองว่า เอาเถอะได้แค่นี้แหละ ถ้ามันออกมาแย่มาก ค่อยกลับไปถ่ายซ่อมที่เมืองไทยแล้วกัน..

จะด้วยความตื่นเต้นหรือเครียดไม่รู้..
ฉันกินอะไรไม่ลง ได้แต่จิบน้ำไปครึ่งแก้วเท่านั้น..รอจนเกือบบ่ายสองโมง..แม่สามีเดินมาเคาะประตูส่งสัญญาณให้แต่งตัวได้เพราะว่าเจ้าบ่าวออกจากบ้านไปเตรียมงานที่อำเภอแล้ว..ธรรมเนียมของที่นี้คือ ห้ามให้เจ้าบ่าวเห็นชุดเจ้าสาวก่อนเข้าพิธี ไม่งั้นจะมีโชคร้าย..ฉันเลยต้องรอให้เจ้าบ่าวออกจากบ้านไปก่อนถึงจะเริ่มแต่งองค์ทรงเครื่องกัน..ประกอบร่างเสร็จ..ฉันเห็นแม่สามีน้ำตาคลอพร้อมกับชมว่าสวยไม่ขาดปาก..ก่อนจะจูงมือฉันออกมาจนถึงรถของพ่อตัวดีที่ตอนนี้ถูกตกแต่งด้วยดอกไม้ สำหรับเป็นรถเจ้าสาวในวันนี้..สารถีจำเป็นคือแม่สามีนั่นเอง ระหว่างทางจากบ้านไปอำเภอซึ่งก็ไม่ไกลมากนัก แม่ขับรถไปบีบแตรเป็นจังหวะไปตลอดทาง..ที่ทำแบบนี้พ่อตัวดีมาบอกทีหลังว่าเป็นธรรมเนียม ชาวบ้านจะได้รู้ว่ามีคู่บ่าวสาวแต่งงานในวันนี้นะจากเสียงแตรรถที่ดังเป็นจังหวะนั่นแหละ

ฉันเกาะแขนน้องสาวพ่อตัวดี เริ่มเดินขึ้นบันไดไปยังด้านบนของที่ว่าการอำเภอพร้อมน้องชายคนเล็กและเพื่อนเจ้าบ่าวที่มาเดินตามหลังอยู่ไม่ห่าง..จนถึงหน้าห้องทำพิธี น้องสาวเขาบอกให้ฉันรอยู่หน้าห้องก่อนกับเพื่อนเจ้าบ่าว..ตอนนี้ฉันเปลี่ยนมาคล้องแขนเพื่อนเจ้าบ่าวที่อายุมากพอจะเป็นพ่อเจ้าบ่าวได้เลย..งานนี้ฉันเลยทึกทักเอาว่าคุณโรเจอร์เพื่อนพ่อตัวดีเสมือนพ่อฉันที่มาส่งตัวฉันเข้าพิธี..โรเจอร์ชวนคุยให้ฉันคลายเครียด..ฉันเลยบอกไปว่า ตอนนี้ฉันกลัวแต่ว่าจะทำอะไรเปิ่นๆในพิธีให้ได้อายกัน..ได้เวลาเดินเข้าพิธี..ฉันเดินช้าๆอยู่ข้างๆโรเจอร์ มือที่ถือช่อดอกไม้ตอนนี้มันชุ่มไปหมด สายตาทุกคู่จ้องมาที่ฉัน จนโรเจอร์เดินมาส่งมือของฉันไว้ในอุ้งมือของเจ้าบ่าวที่รอรับอยู่กลางลานพิธี

ต่อหน้าท่านนายกเทศมนตรีที่กำลังอ่านประวัติของฉันอย่างยากลำบาก..ออกเสียงแค่ชื่อ นามสกุลก็ว่ายากแล้ว นี้ท่านต้องอ่านตั้งแต่ ชื่อ พ่อ แม่ ยันที่อยู่ตามเสียงทับศัพท์ภาษาไทย..แต่ละคำทรมานต่อการออกเสียงของท่านทั้งนั้น ฮ่าๆๆ..จนมาถึงตอนที่ท่านถามว่า เจ้าสาวยินดี..จะรับเจ้าบ่าวเป็นสามีหรือไม่.. oui Je veux.. หวี เฉอ เวอ..แปลว่า ค่ะ ฉันรับค่ะ..ฉันพูดออกไปตามที่เตี๊ยมมากับแม่เจ้าบ่าว..ทุกคนในห้องหัวเราะกันให้ครืน..จนฉันต้องแอบกระซิบพ่อตัวดีว่า..ฉันพูดอะไรผิดรึเปล่า..ขานั้นที่ตอนนี้หน้าแดงน้ำตาคลอก็บอกว่า ไม่หรอก..ทำดีแล้ว พร้อมกระชับมือฉันแน่นขึ้น..สักพักฉันก็ได้ยินเสียงเขาตอบแบบเดียวกันกับฉันเมื่อครู่..ฉันสวมแหวนทองปลอกมีดที่น้องชายคนเล็เเดินถือมายื่นให้ต่อหน้า..ฉันหัวเราะออกมาเบาๆแก้เก้อ ด้วยรู้ว่าทุกคนมองเป็นตาเดียว เขายกมือซ้ายของฉันไปบ้างสวมแหวนให้มือสั่นจนสังเกตเห็น..เสียงเฮดังขึ้นพร้อมจุมพิตฟ้าแลบที่พ่อตัวดีจู่โจมมาแบบไม่ให้ตั้งตัว

ท่านนายกฯ เชิญฉันและเขาไปที่แท่นพิธี ที่ตอนนี้มีเอกสารอยู่สองแผ่นพร้อมอธิบายให้เราเซนต์ชื่อ จากนั้นพยานทั้งสี่คนก็ตามมาลงนามในเอกสารทั้งสองแผ่นนั้นด้วย..ตรวจตราอะไรกันครู่ใหญ่ ฉันก็ได้รับทะเบียนสมรส สมุดครอบครัวและสมุดที่ระลึกลายสวยจากท่านนายกฯที่กำชับว่าเก็บไว้ดีๆนะ เอกสารสำคัญเอาไว้ขอวีซ่าระยะยาวต่อไป..

ถ่ายรูปกับท่านนายกเทศมนตรีเป็นที่ระลึกพักใหญ่ เพราะว่าท่านขอถ่ายคู่กับฉันด้วย ท่านบอกว่าชอบชุดเจ้าสาวของฉันมาก..สวยไม่เคยเห็นมาก่อน..เป็นไงหล่ะคะ..คุณค่างามอย่างไทย..ตอนนี้ในห้องพิธีเหลือแค่ฉันและพ่อตัวดี ไม่รู้ว่าคนอื่นหายไปไหนหมด..พ่อตัวดียกมือฉันไปแนบแก้มแล้วเอ่ยขอบคุณเบาๆ เขาบอกว่าเขามีความสุขมากจริงๆ ..เราเดินออกมาด้านนอก ฉันยังไม่รู้ตัวจนกว่า มหกรรมข้าวสารเสกที่ญาติๆเอามาปาใส่หลุดเข้าปากนั่นแหละ ถึงรู้ว่าข้าวสารที่แม่สามีมาขอไปเมื่อเช้า คือเตรียมมาเพื่อจะปาข้าวเสารเสกใส่นี่เอง..เขาบอกว่าเพื่อความอุดมสมบูรณ์ เจ้าน้องชายตัวจ้อยที่ถือแหวนคงอยากให้ฉัมสมบูรณ์มากเพราะมันจ้องจะปาข้าวสารเข้าปากฉันอย่างเดียวเลย..ฮึม ..ฝากไว้ก่อนเถอะ โอฬาร

ทรงผมรังนกของฉันเลยกักเก็บความอุดมสมบูรณ์ไว้ได้เป็นกำๆ ถ้าเอาไปหุงคงอิ่มพอดีมื้อ..แต่ฉันก็เก็บข้าวนั่นไว้เป็นขวัญถุงเพื่อชีวิตคู่ของฉันในดินแดนแปลกใหม่ต่างแดนแบบนี้

No comments:

Post a Comment