Wednesday, December 29, 2010

วีซ่าติดตามคู่สมรสชาวฝรั่งเศส

พรุ่งนี้แล้วที่ฉันจะได้บินกลับไปบ้านเกิดที่เมืองไทย..แทบจะนับชั่วโมงรอกันเลยทีเดียว

ตั้งแต่ฉันมาที่นี่เพื่อจัดงานแต่งงานถึงวันนี้ก็ 84 วันพอดิบพอดี.. วีซ่าที่ฉันได้มาก่อนหน้านี้อนุญาตให้ฉันอยู่ในยุโรปได้ไม่เกิน 90 วัน ฉันไม่อยากอยู่เกินวีซ่าให้มีปัญหาแก่ตัวเอง เพื่อนๆหลายคนของพ่อตัวดีที่แต่งงานกับสาวชาติอื่นที่ไม่ใช่คนฝรั่งเศส ต่างยืนยันกันว่าฉันสามารถขอวีซ่าระยาวได้เลยที่นี่ โดยไม่ต้องบินกลับไปขอที่เมืองไทยให้ยุ่งยาก แต่จากข้อมูลที่ฉันค้นหาในอินเตอร์เนทตามหน้าเวบไซต์ที่เหล่าแม่บ้านต่างแดนใจดีทั้งหลาย แวะเวียนมาเล่าประสบการณ์ของตัวเองและคอยตอบปัญหาให้เพื่อนๆที่จะตามมาอยู่ต่างแดนเหมือนกันให้รู้ข้อมูลจะได้รู้ว่าควรจะทำอะไรต่อไป เพราะกฎใหม่ที่ประเทศนี้ขยันมากในการเปลี่ยนกฎกันเป็นว่าเล่น ฉันเลยได้ข้อมูลล่าสุดมาว่า ยังไงก็ต้องกลับเมืองไทยก่อนเพื่อขอวีซ่า..อย่างที่รู้กันเรื่องเอกสารต่างๆสำหรับวีซ่าถือเป็นเรื่องใหญ่ของคนต่างด้าวของฉันในตอนนี้ แต่สามีฉันเองก็ดูเหมือนจะเชื่อเพื่อนมากจะไม่ยอมให้ฉันกลับ..จนสุดท้ายต้องพากันไปติดต่อที่อำเภอ ลามปามไปถึง OFII จนได้ข้อสรุปมาว่า ยังไงฉันก็ต้องกลับไปเมืองไทยเพื่อขอวีซ่าติดตามสามีอยู่ดี

พ่อตัวดีของฉันจัดแจงเตรียมถุงยาใบย่อมให้ซึ่งมีสารพัดยาอยู่ในนั้น ฉันเป็นไข้หวัดอยู่ในช่วงนั้นซึ่งเหมือนเป็นเรื้อรังเพราะว่าอากาศเดือนตุลาคมของที่นี้ก็หนาวมากแล้วสำหรับฉัน พ่อตัวดีก็ยังไม่อยากให้ฉันกลับไปเมืองไทยเท่าไรนัก นึกถึงหัวอกคู่แต่งงานที่เพิ่งแต่งงานกันไม่นาน แต่สาวเจ้าต้องกลับบ้านเกิดไปขอวีซ่าระยะยาวติดตามสามีอีกครั้งก่อน ซึ่งจะใช้เวลานานเท่าไรนั้น..ไม่มีใครสามารถบอกได้แล้วแต่กรณีของแต่ละคน

เพราะว่าอะไรนะเหรอ..ก็เพราะว่าการขอวีซ่าระยะยาวติดตามสามีนั่น..เอกสารไม่ยุ่งยาก ค่าวีซ่าก็ไม่ต้องเสีย เพียงแต่ว่าเราต้องผ่านการทดสอบความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับสิทธิของประชาชน และข้อมูลพื้นฐานของประเทศฝรั่งเศส..แถมต้องฝ่าด่านอรหันต์การทดสอบภาษาฝรั่งเศสที่มีทั้งสอบสัมภาษณ์และข้อเขียน เมื่อเพื่อนๆ ญาติพ่อตัวดีถามว่า เมื่อไรที่ฉันจะกลับมาดินแดนตาไ่ก่นี้อีก..คำตอบที่ฉันละพ่อตัวดีต้องคอยตอบคือยังไม่มีกำหนดแน่นอน ..แล้วเราก็ต้องอธิบายเพิ่มว่า เนื่องจากต้องมีการทดสอบสองอย่างที่ว่านั่น..วันสอบนั่นได้กำหนดเป็นตารางไว้ล่วงหน้าแล้วในแต่ละเดือน หากฉันยื่นเอกสารไม่ทันในรอบนั้นๆของเดือน ฉันก็ต้องรอสอบในเดือนถัดไป..แน่ละ มันต้องใช้เวลานานขึ้น..แถมยังต้องทดสอบสองอย่างที่ว่าด้วยแล้วนั้น..หากว่าฉันสามารถพอและโชคช่วย..ก็จะผ่านการทดสอบและได้วีซ่าไม่เกินหนึ่งอาทิตย์หลังจากการทดสอบ..แต่ แต่ และแต่ ฉันสอบไม่ผ่านซึ่งมีความเป็นไปได้สูงมาก เพราะว่าฉันยังสื่อสารได้ไม่ดีเลย ถ้าถามประโยครูปแบบเท่าที่ฉันเรียนมาที่สมาคมฝรั่งเศส..แน่นอนฉันว่าฉันทำได้ แต่พอมาอยู่ที่นี้ สิ่งที่ผู้คนพูดกันมันไม่ง่ายเหมือนสิ่งที่ฉันเรียนมาในหนังสือ..ฉันเลยมีอาการหูดับ สมองตายกลางวงสนทนาอยู่เสมอ.. และแน่ยิ่งกว่าแน่คือ ถ้าไม่ผ่านการทดสอบ เราจะได้รับความอนุเคราะห์ให้ไปเรียนภาษาฟรี 40 ชั่วโมง โดยจะเรียนทุกวันๆละ 2 ชั่วโมง..ก็ร่วมเดือนแหละกว่จะเรียนจบ..เรียนจบก็ต้องทดสอบกันก่อนว่าใช้ได้รึยัง..แต่ถึงขั้นนี้ไม่ต้องกังวลไป..ผ่านไม่ผ่านก็ได้วีซ่าแล้วหล่ะ

ปฏิทินสำหรับการทดสอบทั้งสองอย่างที่ว่ามา สามารถเข้าไปดูได้ที่ (เวบไซด์ของสมาคมฝรั่งเศสกรุงเทพ)
http://th.alliance-francaise.or.th/index.php?option=com_content&task=view&id=733&Itemid=44
เป็นข้อมูลสำหรับวางแผนในการยื่นวีซ่า ส่วนเรื่องรายละเอียดของเอกสารที่ใช้และนัดหมายยื่นวีซ่า ดูรายละเอียดได้ที่
https://www.tlscontact.com/th2fr/login.php

คืนก่อนที่จะบินกลับมาเมืองไทย..ฉันแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน หลังจากจบมื้อเย็นกับญาติสามีที่มาค้างที่บ้านด้วยเพื่อมาเจอฉันก่อนที่ฉันจะกลับเมืองไทย แน่นอนว่าคุยกันยาวจนดึกดื่น..แถมฉันยังหลับตานอนเฉยๆไม่ได้ ไม่ใช่ว่าสามีกวน หรือจะฝากรักให้สมใจก่อนจะจากกันนานหรอกนะ..ลืมไปได้เลยเรื่องนั้น..ฉันยังวุ่นวายกับการยัดบรรดาของฝากลงกระเป๋า รวมถึงบรรดาเอกสารสำคัญต่างๆที่ต้องใช้ยื่นวีซ่า..พ่อตัวดียื่นจดหมายลายมือตัวเองที่เขียนยืนยันว่าเราแต่งงานกันแล้วและความสัมพันธ์ยังคงดีอยู่ไม่ได้สิ้นสุดลงแต่อย่างใด ซึ่งจดหมายฉบับนี้ต้องใช้แนบตอนขอวีซ่าด้วย..ซึ่งฉันรับมาด้วยความปลาบปลื้มในตัวสามี..ที่อุตส่าห์ทำให้โดยไม่ต้องทวงถาม..แต่พอเห็นลายมืออันเป็นเอกลักษณ์..ฉันเลยต้องใช้มารยาสาไถปลอบประโลมใจสามีว่า "ที่รักจ๋า..พิมพ์ใหม่ดีกว่านะ..อย่าเขียนเลย กลัววีซ่าไม่ผ่านเพราะเจ้าหน้าที่อ่านลายมือยูไม่ออกอ่ะ"..สามีทำหน้าตึงไปสองวินาทีแล้วเดินไปเปิดคอมพิวเตอร์ทำให้แบบเซ็งอารมณ์เมีย..ตอนนี้คงเริ่มรู้ตัวแล้วว่ามีเมีียน่าละเหี่ยใจ

ถึงคราวที่การเดินทางจะไม่ราบรื่น..มีข่าวแจ้งมาว่าเย็นนี้จะมีการประท้วงรัฐบาลที่ยืดอายุเวลาเกษียณออกไป จากเดิมไฟลท์ที่ฉันจะบินเข้าปารีสคือห้าโมงเย็นเพื่อต่อเครื่องไปกรุงเทพตอนห้าทุ่ม กลายเป็นว่าฉันต้องรีบไปสนามบินตอนบ่ายโมงแล้วตะลีตะเหลือกไปเช็คอินให้ทันเที่ยวบ่ายโมงสี่สิบห้า..เพราะเป็นเที่ยวบินสุดท้ายของวันนั้นที่จะเข้าปารีสแล้ว..ถึงปารีสแล้วก็รอเพลงรอไปเลยแปดชั่วโมง..เฮ้อ..เวรของกรรม

ถึงเมืองไทยด้วยอาการเหนื่อยอ่อนแต่ดีใจที่มาเจอบรรยากาศเดิมๆที่ไม่ได้เห็นกว่าสามเดือน..แต่จะมามัวโอ้เอ้ไม่ได้นาน หลังจากใช้เวลากับครอบครัวและเพื่อนๆสองวัน ฉันก็ไปยื่นเอกสารตามที่นัดไว้ เอกสารไม่เยอะเมื่อคราวขอวีซ่าไปแต่งงาน ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จขั้นตอน ตอนนี้เหลือแค่รอสมาคมฝรั่งเศสนัดไปสอบแค่นั้น หลังจากนั้นสองวันก็ได้รับจดหมายนัดให้ไปทดสอบในอาทิตย์ถัดไปนับจากวันที่ยื่นเอกสาร เผอิญว่าสอบผ่านเลยได้รับวีซ่าในสองวันต่อมา..ใช้เวลาประมาณเก้าวัน..แต่ถ้าไม่ผ่านก็มีแน่ๆหนึ่งเดือน..หลายท่านอาจจะคิดว่าดีซะอีก ไม่ผ่านได้เรียนฟรี แถมได้อยู่เมืองไทยนานๆอีกด้วย..ฉันเองก็มีความคิดแบบนั้น แต่วิบากกรรมของสาวไทยตัดสินใจไปต่างแดนแบบฉันต้องมีหลายขั้นตอนที่ยังต้องสู้ต่อไป จะมาพักเล่น ขำๆที่เมืองไทยนานๆไม่ได้แล้ว..ทุกวินาทีคือเงินทองทั้งนั้น ไม่ว่าจะเข้าหรือออกจากระเป๋าเราก็ตาม

No comments:

Post a Comment