Friday, January 28, 2011

มีงานให้ทำมั้ยครับ..Pôle emploi

ฉันขอเลิกเร็วกว่าปกติ 5 นาที เพื่อไปตามนัดกับ Pôle emploi ซึ่งคือหน่วยงานหนึ่งที่ทำหน้าที่หางานให้แก่คนว่างงาน รวมถึงการอบรมเพิ่มเติมแก่ผู้ว่างงานด้วย เพื่อให้สามารถหางานทำได้เร็วที่สุด..ระยะทางจากโรงเรียนถึง  Pôle emploi ถือว่าไม่ไกลถ้าขับรถ แต่ก็เล่นเอาหอบถ้าต้องเดินลงเนินเพื่อข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามไปที่หมายของฉัน..โชคดีที่พ่อตัวดีแวะมารับที่โรงเรียนนหลังจากเลิกงานในช่วงเช้า..ฉันเลยไม่ต้องเสียเหงื่อและมีเวลาเตรียมตัวเตรียมใจ..ระหว่างหาที่จอดรถ เสียงมือถือของสามีดังขึ้น..เจ้าหน้าที่บ.ประกันภัยเอารถที่ไปส่งซ่อมมาเปลี่ยนกับรถที่เอามาให้ใช้ระหว่างส่งรถเข้าอู่..

 พ่อตัวดีบอกให้ฉันเข้าไปเองก่อน เดี๋ยวจะเลยเวลานัด เค้าจะรีบไปเปลี่ยนรถแล้วจะตามไปให้เร็วที่สุด..โดยก่อนที่จะบึ่งรถหายไปต่อหน้าฉัน ก็บอกติวประโยคที่ฉันต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบว่าฉันมาตามที่นัดไว้ตอนสิบเอ็ดโมงกว่า..เดินเข้าไปแบบรีบๆ เนื่องจากใกล้เวลานัดหมายแล้ว..ผู้คนมากมายที่มาติดต่อ ฉันเดินตรงไปต่อแถว ซ้อมบทอยู่คนเดียวเงียบ แต่ในหัวปั่นป่วนไปหมด  ..หลังจากปล่อยของที่เตรียมมานานไปกับเจ้าหน้าที่สาวสวยในชุดทำงานสุดเปรี้ยวนั่นแล้ว..ฉันลุ้นผลงานตัวเองจนลืมหายใจ..สรุปว่าไม่ผ่าน ยังสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง คราวนี้เลยงัดเอาเอกสารออกมาแสดงพร้อมตั้งตัวใหม่ พูดเสียงดังฟังชัดไม่อู้อี้ๆ เหมือนก่อนแล้ว..เออ ได้ผล หล่อนเข้าใจที่ฉันพูดแล้ว

ฉันถูกเชิญให้มานั่งที่โต๊ะกรอกรายละเอียดลงในแบบฟอร์มที่เจ้าหน้าที่ยื่นมาให้และขอพาสปอร์ตไปถ่ายสำเนา..ฉันพยายามกรอกเท่าที่กรอกได้ คือ ข้อมูลทั่วไป ประวัติการศึกษา..จนถึงประวัติการทำงาน..เจ้าหน้าที่สาวคนสวยที่เอาพาสปอร์ตมาส่งคืนพร้อมชะโงกมาขอดูรายละเอียดที่ขาดอยู่..เธอถามว่า เคยทำงานที่ฝรั่งเศสมั้ย ..แน่ละ ไม่เคยค่ะ..ปลายปากกาของเธอก็ขีดฆ่ารายละเอียดด้านการทำงานที่ฉันบรรจงกรอกไปเมื่อครู่..ซักถามเรื่องอื่นไม่นาน พ่อตัวดีก็เดินเข้ามาสมทบ..เรากรอกเอกสารจนเสร็จส่งคืนให้แล้วนั่งรอเข้าพบเจ้าหน้าที่..ไม่นานนักเราถูกเชิญให้เข้าไปในห้องแรก คือ เป็นการพบเพื่อแจ้งให้ทราบว่า เนื่องจากฉันไม่มีประวัติการทำงานในฝรั่งเศส นั่นก็หมายถึงไม่เคยมีประวัติการเสียภาษี ดังนั้น จึงไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินช่วยเหลือระหว่างหางานทำ ซึ่งก็นำเงินจากภาษีนั่นแหละมาช่วยเหลือ..ฉันไม่ติดใจอะไรนัก เพราะว่าไม่อยากได้เงิน ตอนนี้อยากได้ที่เรียนมากกว่า..ใช้เวลาไม่ถึงนาที เราออกมานั่งรอเพื่อเรียกสัมภาษณ์ในขั้นต่อไป

เกือบสิบห้านาทีเจ้าหน้าที่มาเชิญเราเข้าไปอีกห้องหนึ่ง..หลังจากเชิญนั่งและทักทายเป็นที่เรียบร้อย..เธอขอแบบฟอร์มรายละเอียดของฉันและ CV curriculum vitae เพื่อจะทำการลงประวัติของฉันเข้าสู่ระบบคนหางาน..เธอสักถามข้อมูลและกรอกเข้าระบบ..จากที่ดูเธอบอกว่าฉันมีทักษะค่อนข้างดี ที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดี และประสบการณ์ทำงานมาหลายปี..นั่นจะทำให้ฉันมีโอกาสมากกว่าคนอื่น..แต่เธอคงลืมไปว่า ปัญหาของฉันคือ ฉันพูดฝรั่งเศสไม่ได้ต่างหาก ปากไวเท่าความคิดแต่ช้ากว่าสามี ..พ่อตัวดีโพล่งออกไปว่า แต่ภรรยาผมยังพูดฝรั่งเศสไม่ได้เลยนะครับ..แล้วแจ้งปัญหาที่ฉันไม่ได้รับสิทธิ์ให้เรียนจากโอฟี่..เราอยากให้ Pôle emploi ช่วยส่งฉันไปเรียนเพื่อจะได้มีโอกาสหางานทำได้ง่ายขึ้น เพราะว่าเราสองคนก็พยายามหาเรียนจากที่อื่นเช่น Maison de quartier  ..ฉันหวังว่าความพยายามที่เราทำไว้ เจ้าหน้าที่คงจะเห็นใจและหาที่เรียนให้  แต่กลายเป็นว่าเธอเห็นว่าฉันและพ่อตัวดีทำถูกแล้วที่ไปเรียนที่นั่น และฉันเองก็สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ดีซึ่งมันจะทำให้ฉันเรียนรู้ฝรั่งเศสได้เร็วกว่าต่างด้าวชาติอื่นที่ไม่รู้ภาษาอังกฤษ..แถมยังบอกให้เจ็บใจอีกด้วยว่า เธอจะสามารถส่งให้ฉันไปเรียนภาษาต่อในระดับที่สูงขึ้นได้..แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ฉันต้องได้ภาษาระดับพื้นฐานมาก่อน ซึ่งเธอคิดว่าอีกไม่เกินสี่เดือนข้างหน้าฉันน่าจะพูดได้ดีแล้ว...เอ่อ ไม่มีทักษะพื้นฐานแล้วไม่มีใครให้โอกาสไปเรียน แล้วฉันจะไปแสวงหาความฉลาดล้ำแบบนั้นมาจากไหน...

เธอลองหางานที่ฉันน่าจะทำได้ โดยเริ่มจากงานที่พูดภาษาไทยก่อน มีด้วย..คืองานแม่ครัวร้านอาหารไทยใน Chambery  อืมม..ไกลจากเมืองที่อยู่พอดู เกือบสองชั่วโมงแถมทำกับข้าวอีก..แม่ช้อยของฉันไม่รำนอกบ้านค่ะ..ขี้อายเก็บเนื้อเก็บตัวไม่กล้าแสดงออกสู่สายตาชาวโลก..นอกนั้นก็งานออฟฟิตแบบที่ฉันเคยทำมาแต่เป็นแบบใช้สองภาษา คือ ฝรั่งเศสและอังกฤษ..แต่อย่างว่าตอนนี้ตำแหน่งยังไม่มี..ที่ไหนๆก็มีแต่เอาคนออก..จากสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้..ฉันเข้าใจดีและรู้ดีว่า ณ ตอนนี้ ฉันเองก็ยังไม่พร้อมที่จะทำงานโดยภาษาฝรั่งเศส..เจ้าหน้าที่ยื่นตารางการรายงานตัวมาให้ ต้องทำทุกเดือนและสามารถทำได้ทางอินเตอร์เนท...หากฉันไม่ทำตามก็จะถูกตัดชื่อออกจากระบบคนว่างงาน..ไม่ได้รับความช่วยเหลือเริ่องการหางานอีกต่อไป..แต่ก็สามารถมาสมัครใหม่ได้อีก..แต่เสียเวลามาดำเนินการใหม่ทั้งหมด..

ความหวังที่จะได้เรียนกับที่นี่จบลงพร้อมกับที่เราเดินออกมาไปที่รถ..ฉันปลอบใจตัวเองอยู่เงียบว่า เอาเถอะ อย่างน้อยตอนนี้ฉันก็มีที่เรียนอาทิตย์ละ 6 ชั่วโมง มันดีกว่าตอนเรียนเองที่บ้านเป็นไหนๆ แถมพ่อตัวดีก็พยายามช่วยสอนและพูดอังกฤษกับฉันให้น้อยลง..เพื่อฉันจะได้ฝึกตัวเองอยู่ตลอด ..ฉันคงจะรอความช่วยเหลือจากคนอื่นอย่างเดียวไม่ได้ซะแล้ว..ถ้าไม่ก้าวเดินแล้วเมื่อไรฉันจะวิ่งได้..วันนี้ฉันอาจจะยังคลานๆ คลำทางกับชีวิตแบบใหม่ที่นี่..มันนานพอที่ฉันควรจะเลิกกลัวเลิกอายแล้วผลักดันตัวเองให้พูดได้สักที..ฉันจะเริ่มลงมือทำมันและไม่หวนไปโทษตัวเองว่าตัดสินใจผิดที่มาอยู่ที่นี่..แล้วฉันจะผ่านมันไปได้ ฉันเชื่อแบบนั้น..

No comments:

Post a Comment