Sunday, January 9, 2011

รั้วรอบขอบเตียง

คุณจะรู้มาก่อนมั้ยว่า ต่อไปข้างหน้าจะต้องมานอนร่วมเตียงกับพ่อหนุ่มพุงโตที่มีอกอุ่นๆไว้ให้ซุกยามหนาว..แต่เขามีออพชั่นแถมมาให้ด้วย..ฉันไม่เคยรู้มาก่อนหรอกว่า พ่อตัวดีจะพกโรงสีข้าวไว้ด้วยตอนนอน..แรกๆฉันยังจำใจยอมทนเพราะเห็นแก่ว่าเขาคงเหนื่อยมาจากการทำงานแถมต้องตื่นแต่เช้าไปทำงานตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง กลับมาบ้านก็ตอนฟ้ามืดแล้ว..เลยปล่อยให้นอนบรรเลงเพลงไปตามอัธยาศัย..ส่วนฉันอาศัยที่อุดหูที่ได้แจกมาจากบนเครื่องมาช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้บ้าง..แต่หลังความเกรงใจมันผันผวนกับเสียงกรนที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ฉันเริ่มแอบหนีไปนอนห้องอื่นบ้าง แอบไปช้อนคอพ่อตัวดีให้นอนในท่าที่ดีขึ้นบ้าง..

จนในที่สุดความเกรงใจมลายสูญ ฉันใช้สองมืออันหยาบกร้านเขย่าตัวสามีให้ตื่น..แล้วบอกให้รู้ตัวว่า เออ ยูกรนนะ เปลี่ยนท่านอนซะจะได้ไม่กรน..ทำแบบนี้ทุกครั้งที่เขาแสดงอาการ ซึ่งหลังๆอาการกรนดีขึ้นแต่มีอาการอื่นตามมาคือ ผายลม..ของจริง เสียงจริง ไม่ต้องใช้แสตนด์อิน..ตดได้ในทุกที่ ห้องนั่งเล่นระหว่างนั่งดูทีวี ห้องกินข้าวหลังจากซัดของหวานไปเรียบร้อย ไปจนถึงห้องนอน ซึ่งอาจจะต้องเรียกว่า ละเมอตด..เพราะแกตดแบบไม่รู้ตัวจริงๆ..แรกๆฉันก็รับไม่ค่อยได้ แสดงอาการหงุดหงิดนิดหน่อย แต่ฉันก็เพลาอาการของขึ้นนั่นลง เพราะสังเกตว่าสามีต้องเอ่ยปากขอโทษทุกครั้งที่ตด..จนฉันชินชาและรับได้ในที่สุดแต่เขาเองก็ยังพร่ำขอโทษทุกครั้งที่ตดแบบรู้ตัวทุกครั้ง..

ฉันนั่งดูละครฉากสามีภรรยานอนร่วมเตียง ดูโรแมนซ์สวยงาม ตื่นขึ้นมาพระเอกนางเอกจุมพิตรับวันใหม่ด้วยความดูดดื่ม ไม่มีอาการเมาขี้ตา..ฉันเองเคยนึกภาพแบบนั้นของตัวเองบ้างตามแบบฉบับสาว(แก่)ช่างฝัน..แต่แล้วก็พบว่าในความเป็นจริงนั้น สารรูปของฉันเองซะอีกที่จะดูไม่ได้ตอนตื่นนอน ผมที่บรรจงหวีให้เรียงเส้นสลวยก่อนเข้านอน ตอนนี้มันยุ่งเหยิงเป็นรังนกย่อมๆ ตาก็เกรอะกรังไปด้วยขี้ตา แถมในบ้างคืนมีแถมคราบน้ำลายที่มุมปากอีก..แต่คุณสามีดันบอกว่า ดีออก เซ็กซี่แบบธรรมชาติดี..(ขอบพระคุณค่ะสามี..เมียเยินแค่ไหนก็ยังชมเนี่ย)..

ตามมาด้วยเรื่องเข้าพระเข้านาง..ด้วยความอยากรู้อยากเห็น สารพัดสารคดีเนื้อหนังทั้งญี่ปุ่น ฝรั่ง เกาหลี หากมีใครหยิบยื่นหรือส่งต่อ ฉันก็มักจะรับมาดูแบบไม่มีรีรอ..จนมาถึงคราวที่ต้องลงสนามจริงๆ สารพัดสื่อการเรียนการสอนเหล่านั้น ไม่ช่วยอะไรเลย สอบตกนอนตัวแข็งทื่อหลับหูหลับตาจนมันผ่านไป อาการหนักจนสามีพยายามไม่เข้าใกล้เพราะคิดว่าภรรยาเป็นพวกเกลียดกลัวการมีสัมพันธ์ ฉันพยายามที่จะปรับตัวเองให้เปิดใจกับเรื่องแบบนี้มากขึ้น..ไม่น่าสนุกนักหรอกที่จะต้องให้สามีมานั่งเสียใจ น้ำตาไหลทุกครั้งเพราะเขาคิดว่า มันเหมือนเขาข่มขืนฉัน โดยที่ฉันได้แต่หลับหูหลับตาให้มันผ่านพ้นไป ฉันรู้สึกขวยเขินที่จะต้องมาเรียนรู้เรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะถามว่ามันสำคัญถึงขนาดไหน จริงๆแล้วมันไม่เหมือนแค่เอาคนสองคนมามีสัมพันธ์กันแล้วให้มันจบไปเหมือนในบรรดาสารคดีแม่แบบที่ดูมา..มันคือการแสดงออกถึงความสัมพันธ์ของใจโดยอาศัยร่างกาย เพราะถ้ามันเป็นแค่ความใคร่ เขาคงไม่ต้องมาสนในเฝ้าถามอีกฝ่ายหรอกว่ามีความสุขหรือไม่

ฉันเป็นภรรยาก็อยากให้สามีอยู่กับเราแล้วมีความสุข การปรับตัวมันค่อยเป็นค่อยไป เหมือนการเขยิบสองอาณาเขตให้มาอยู่ร่วมกันได้ โดยที่ไม่ได้เสียความเป็นตัวเองออกไป เพียงแต่เริ่มที่จะเรียนรู้และเข้าใจอีกฝ่ายให้มากขึ้น และรู้จักงัดกลยุทธ์ต่างๆมาใช้เพือลดอารมณ์ขุ่นๆ มัวๆของคนสองคนออกไป..ฉันเรียนรู้ที่จะเปิดเผยความรู้สึกตัวเองออกมาให้มากขึ้น..เดิมที่ชอบจะเก็บทุกอย่างไว้ในใจ พอนานเข้ามันก็กลายเป็นระเบิดลูกใหญ่ที่ไมน่าดูเอาซะเลย ส่วนพ่อตัวดีเรียนรู้ที่จะใส่ใจและคิดถึงความรู้สึกของฉันมากขึ้น..จากเดิมที่ออกแนวอยู่คนเดียวมานานจนลืมตัวไปว่าตอนนี้มีห่วงอันโตเกาะอยู่แน่นหนา..เป็นภารกิจที่ต้องทำกันไปชั่วชีวิตบางคนอาจคิดว่า ผู้หญิงเสียเปรียบในหลายๆอย่าง..มันอาจจะจริงหรือไม่จริง ฉันไม่สนใจที่จะหาคำตอบให้เสียเวลาและอาจจะเสียกำลังใจตัวเอง..ฉันคิดว่าเมือแต่งงานมันคือการแบ่งปัน เรียนรู้ที่จะให้และรับแบบที่เราเต็มใจไม่อึดอัด

หลายคนไขว่หา เฝ้ารอคนที่ดีพอดี..แต่ฉันก็ได้ข้อคิดว่าจากเพื่อนรุ่นพี่น้ำใจงามคนหนึ่งว่า เลิกแสวงหาคนที่ดีพอ มามองหาคนที่พอดีจะดีกว่า ฉันไม่มั่นใจหรอกว่าฉันและพ่อตัวดีเราเป็นคนที่ดีพอของกันและกันรึเปล่า ตอนนี้ฉันรู้แต่ว่าเราเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันให้มีความสุขในชีวิตคู่แบบพอดีมากกว่า

No comments:

Post a Comment