Thursday, January 27, 2011

ทำธุรกรรมที่ธนาคารและหอบสังขารไปหาคุณหมอ

เราพากันเดินไปที่ธนาคารใกล้ๆบ้านด้วยอาการสั่นสะท้านจากลมหนาวยะเยือกที่พัดมาแบบไม่สนใจใคร..พ่อตัวดีต้องการให้ฉันเปิดบัญชีธนาคารเพราะเป็นสิ่งจำเป็นหากเราได้งานทำแล้ว.เงินเดือนจะจ่ายเข้าบัญชีของเรา และห่วงในสวัสดิภาพของศรีภรรยา เนื่องจากชอบหนีไปช้อปปิ้งแถมจ่ายด้วยเงินสด และเป็นยูโรใบละหนึ่งร้อย เนื่องจากเวลาไปแลกเงินที่เมืองไทย มักไม่ค่อยจะมีแบงค์ย่อยให้สักเท่าไร..และไอ้เจ้าแบงค์ร้อยยูโรเนี่ยแหละ มักจะเป็นที่ต้องสงสัยของบรรดาแคชเชียร์ที่มักจะทำแบบเมืองไทย คือ ถ้าได้รับแบงค์พันมาจ่าย จำต้องยกขึ้นส่องดูว่าเงินปลอมหรือเปล่าทุกครั้งไป..ที่นี่ก็ทำแบบนั้นเช่นกัน แต่บางห้างก็จะมีเครื่องตรวจแบงค์แบบพกพาที่ไว้ตรวจแบงค์ 100 ยูโรโดยเฉพาะ..พ่อตัวดีคงกลัวฉันจะถูกปล้นหรือไม่ก็โดนแคชเชียร์ด่าเข้าสักวัน ..ซื้อของไม่ถึง 10 ยูโร แม่คุณเล่นยื่นด้วยร้อยยูโรตลอด..นิสัยชอบแตกแบงค์คงติดมาจากไทย

เมื่อมาถึงเราพบกับเจ้าหน้าที่สาวสวยคนเดิมกับที่เจอเมื่อคราวมาติดต่อทำเรื่องเปิดบัญชีเมื่ออาทิตย์ก่อน เธอเชิญเราเข้าไปนั่งในห้องทำงานด้านในที่แยกออกมาเป็นสัดส่วน  หน้าตาธนาคารที่นี่ไม่เหมือนกับที่เมืองไทยที่เวลาจะทำธุรกรรมอะไร ลูกค้าอย่างเราๆ จะเป็นคนเขียนกรอกแนบฟอร์มแล้วเดินไปติดต่อที่เคาน์เตอร์ที่มีพนักงานหน้าแฉล้มรอต้อนรับอย่างน้อยสองคนต่อหนึ่งสาขา..เว้นแต่เราจะมาทำธุรกรรมอื่นๆ ที่นอกเหนือจาก ฝาก ถอน โอนเงิน ถึงจะเชิญเราไปติดต่อในที่ลับหูลับตา..เป็นการส่วนตัว  แต่ที่นี่ให้เดินตามมาด้านในเลย  ..ฉันยื่นพาสปอร์ต ,สมุดครอบครัวและ บิลค่าน้ำค่าไฟที่มีชื่อฉันอยู่ด้วยออกไปให้เจ้าหน้าที่สาวสวยตรงหน้าตามคำขอ..เธอแนะนำตัวว่าชื่อ เอมิลี่..ซึ่งต่อไปเธอคือเอเจนท์ที่ทำหน้าที่ดูแลบัญชีของฉัน มีอะไรก็ตามมาถามเอมิลี่อย่างเดียว..เอมิลี่พิมพ์ๆ พลิกๆดูเอกสาร แต่ปากก็เจื้อยแจ้วคอยสนทนาอยู่ไม่หยุด เพราะสามีช่างซักที่ถามโน่่น นี่ นั่นตลอด..

ฉันนั่งเซนต์เอกสารหลายแผ่นอยู่ตรงหน้า..เอมิลี่ถามว่าวันนี้จะเอาเงินเข้าบัญชีเลยมั้ย..ฉันพยักหน้ารับพร้อมยื่นแบงค์ร้อยยูรใบสุดท้ายในกระเป๋าออกไปให้  เอมิลี่ยิ้มขำๆ บอกว่ายังไม่ต้องเดี๋ยวพาออกไปเอาเงินใส่เครื่องด้านนอกเอง แต่ตอนนี้มาฟังเอมิลี่ขายประกันก่อน.. เอมิลี่แนะนำเรื่องประกันชีวิตที่จะหักเงินจากบัญชีของฉันส่วนหนึ่งต่อเดือน ไม่มากหรอกเหมือนประกันแบบออมทรัพย์ที่เมืองไทยนั่นแหละ..พ่อตัวดีเห็นดีเห็นงามที่จะให้ทำ ฉันก็ตกลงตามนั้น  เอมิลี่ยิ่นแฟ้มเอกสารมาให้ตรงหน้าพร้อมกระดาษหนึ่งใบที่บอกรหัสลูกค้า รหัสผ่านสำหรับการใช้งานมาให้..สำหรับอินเตอร์เนทแบงกิ้งนั่นแหละ..เราเดินตามเอมิลี่มาที่ตู้เอทีีเอ็มเพื่อเอาเงินเข้าบัญชี  เอมิลี่อธิบายขั้นตอนการเอาเงินเข้าบัญชีให้ฟัง..จ๊ะ ไม่ยากหรอกจ๊ะเอมิลี่ง่าย ป้าเข้าใจ หาเงินมาใส่บัญชีสิ ยากกว่า ..เหอะ

เอมิลี่เดินมาส่งที่หน้าประตูบอกว่าอีกอาทิตย์หนึ่งจะส่งรหัสสำหรับบัตรเอทีเอ็มไปให้ ส่วนตัวการ์ดให้มารับกับเธอที่สาขาเมื่อได้จดหมายแจ้งอีกที..เราจากลาคนสวยมาแล้วเดินตรงไปยังคลินิกที่อยู่ไม่ไกลเท่าไรนักทันที..พ่อตัวดีมีอาการเหมือนกรดไหลย้อน ทานยามานานก็เป็นๆ หายๆ วันนี้เลยมาให้หมอดูอีกครั้ง แถมพ่วงเอาฉันมาเพื่อจะให้ดูสารรูปมือขี้แพ้ของฉันที่ตอนนี้มันแตกระแหง เพียงแต่ไม่มีฝุ่นสีแดงเหมือนดินลูกรัง แต่เป็นเลือดแดงๆ ซิปๆที่ออกมาตามรอยแตกของผิวนั่นเอง..มีคนไข้มาคอยก่อนหน้า 2 คน ..พ่อตัวดีแจ้งกับพนักงานต้อนรับว่ามาตรวจตามที่นัดไว้ เธอขอชื่อไปแล้วบอกให้นั่งรอก่อน หมอประจำตัวของพ่อตัวดียังไม่มา..สายนิดหน่อย..รอประมาณ15 นาที มีหญิงสาวมาเชิญไปที่ห้อง..ฉันคิดว่าเธอคงเป็นพนักงานต้อนรับอีกคนที่มารับกะต่อจากยัยคนแรกที่เจอ ซึ่งตอนนี้หล่อนแต่งองค์เตรียมตัวจะกลับบ้านแล้ว..ที่ไหนได้สาวน้อยคนนั้น คือหมอนั่นเอง หน้ายังเด็กอยู่มาก แถมแต่งตัวธรรมดา ไม่มีเสื้อกราวน์เหมือนที่คุ้นชินตาจากเมืองไทย..

หมอแจ้งว่าวันนี้เธอตรวจแทนหมอประจำตัวของพ่อตัวดี เพราะว่าหมอมีอุบัติเหตุนิดหน่อยรถชนเลยมาไม่ได้..เราสองคนไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ขอให้ได้ตรวจเป็นพอ..ตรวจสามีก่อนซักข้อมูลแล้วเรียกไปชั่งน้ำหนักวัดความดันด้านใน จากนั้นก็ออกมาออกใบสั่งยาและใบส่งตัวให้ไปตรวจปัสสาวะและน้ำเชื้อเพื่อตรวจการติดเชื้อจากการโหมลดน้ำหนักทำให้ติดเชื้อในถุงอัณฑะว่าหายดีแล้วรึยัง และอีกใบคือให้ไปส่องกล้องดูช่องท้อง..ระหว่างนั้นก็มีสายเรียกเข้าอยู่ตลอด..หมอก็รับโทรศัพท์คนไข้ที่มาจองนัดด้วยเป็นระยะๆ ..จนหมอขอการ์ด vital ของสามีไปทำการกรอกข้อมูลต่างๆนานาๆ ก็ยื่นใบต่างๆ นานาที่ว่ามาให้ตรงหน้า..เอาล่ะ ของสามีเสร็จแล้วต่อไปถึงคิวฉันบ้าง..มือหยาบๆแตกๆยื่นออกไปตรงหน้าหมอ..หมอยื่นมือสวยๆของเธอมากดๆ คลำๆ ลูบๆ แผลที่มือและพลิกมือของฉันดูอีกด้านเพื่อหารอยแผลอื่นว่ามีอีกมั้ย..ฉันตอบไปว่าไม่มีแล้วค่ะ เป็นที่มืออย่างเดียว ..หมอพยักหน้ารับทราบแล้วถามว่า เป็นมานานแล้วใช่มั้ย ใช่ ฉันตอบไป..เป็นๆ หายๆ ..หมอคนสวยบอกว่าฉันแพ้สารเคมี..ฉันเลยบอกว่า แพ้โลหะ..พวกเหรียญ อลูมิเนียม..แต่หมอเสริมมาว่า สภาพแผลคือติดเชื้อร่วมด้วยเพราะเริ่มมีแผลเปื่อย..ซึ่งหมอคิดว่ามาจากการทำความสะอาดแล้วใช้สารเคมีเข้มข้นร่วมด้วย..

แดจังกึมภาคฝรั่งเศสรึเปล่าเนี่ย..แม่นมากฉันทำความสะอาดบ้านไล่ตั้งแต่ ห้องครัวยันถูพื้นใช้ Javel ก็คลอรีนเราดีๆนี่แหละ ทำความสะอาดฆ่าเชื้อ..แต่ตอนล้างเตาแก๊สดันขี้เกียจใส่ถุงมือ เชื้อมันคงมาหาตอนนั้น..หมอพิมพ์ใบจ่ายยาให้..แต่เหมือนว่าชื่อของฉันยังไม่เข้าไปอยู่ในฐานข้อมูลของประกันสังคม..ทั้งที่ยื่นเรื่องไปเกือบสองอาทิตย์..งานนี้เลยเสียค่าตรวจไป 6.8 ยูโร  แต่มาทำเรื่องเบิกคืนทีหลังได้..หมอพยายามอธิบายวิธีการดูแลมือของฉันเป็นภาษาอังกฤษ..แต่บางคำฟังแล้วก็ไม่เข้าใจทั้งฉันเองและหมอ  เลยหันไปบอกสามีแทนดีกว่า..ง่ายขึ้นเยอะ..หมอเดินออกมาส่งหน้าประตูพร้อมรอรับคนไข้รายต่อไป..เห็นแล้วนึกสงสารหมออยู่ลึกๆว่า ถ้าหมอย้ายไปเมืองไทย หมอจะเจอโลกใหม่ที่เราแทบจะกราบกรานหมอเลยทีเดียว ไม่ต้องทำเองทุกอย่างหัวซุกหัวซุนแบบนี้

ออกจากคลินิกแวะร้านขายยาต่อ.หมอจ่ายกาวิสคอนมาให้พ่อตัวดีกิน 3 เดือน ส่วนของฉันได้ยาพ่นฆ่าเชื้อ สเตียรอยด์ทาแก้คันและครีมบำรุงหลอดใหญ่ ระยะเวลา 3 เดือนเหมือนกัน..ของพ่อตัวดีรับยาฟรีไม่เสียตังค์เพราะประกันสังคมจ่าย แต่ส่วนของฉันต้องจ่ายเองไปก่อนแล้วเบิกทีหลัง..เภสัชกรคนสวยที่ฉลาดด้วยเลยบอกว่าของฉันเอาไปพอสำหรับเดือนเดียวก่อน พอยาหมดแล้วค่อยมาเอาใหม่ ตอนนั้นชื่อของฉันน่าจะเข้าระบบแล้วจะได้ไม่ต้องออกเงินไปก่อนเยอะ ...คนสวยน้ำใจงามคิดแทนวางแผนให้เสร็จ

หอบถุงยาใบใหญ่เข้าบ้านกันคนละถุง..นึกเทียบกับเมืองไทยว่า ไปหาหมอตามสิทธิ์ 30 บาทรักษาทุกโรคคงไม่ได้ยามากและดีขนาดดี ได้แต่พวกยาผสมแป้งเยอะๆตัวยาน้อยๆมาให้  แต่ที่นี่ยาที่ให้เป็นต้นตำรับทั้งนั้น มั่นใจได้ว่าได้ของดีมา..ฉันเข้าใจแล้วว่าจากภาษีมหาโหดที่จ่ายกันไป คนที่นี่ถึงต้องเรียกร้องสิทธิ์ในทุกทางทุกด้านให้สมกับเม็ดเงินที่เสียไปกับภาษี..ฉันคงยังต้องเรียนรู้อะไรจากที่นี่อีกเยอะ..พ่อตัวดีบอกว่า หมอทั่วไปแบบนี้เขายังมาตรวจกับฉันได้ แต่ต่อไปฉันต้องไปหาหมอเฉพาะทางสำหรับผู้หญิง..ซึ่งแน่นอนว่าฉันต้องไปคนเดียว  เล่นเอาฉันนึกหวั่นๆ ว่าจะคุยกับหมอรู้เรื่องมั้ย..แถมตรวจภายในอีก..โอ๊ย อายจัง..

No comments:

Post a Comment