Monday, January 3, 2011

OH yeh yeh>> Mr.Postman

หนึ่งอาทิตย์แล้วที่ฉับกลับมาแดนน้ำหอมอีกครั้ง คราวนี้ถือเป็นการมาตั้งรกรากระยะยาวเลยทีเดียว เพราะไม่ต้องบินกลับไปต่อวีซ่าที่เมืองไทยอีกแล้ว..แต่พอมาเจอหิมะที่มาเร็วกว่ากำหนด จากคนที่เคยกรี๊ดกร๊าดเป็นบ้าเป็นหลังตอนเห็นหิมะ..ถึงขนาดโยนตะหลิวทิ้ง วิ่งไปคว้ากล้องถ่ายรูปมาถ่ายรูปเกล็ดหิมะที่โปรยมาขาวโพลนไปหมด ก็ทำมาแล้ว..แต่ตอนนี้เจอของจริงที่เห็นแต่หิมะเต็มไปหมด..หนาวจนเสื้อแจ็กเก็ตที่ฝากเพื่อนซื้อมาจากฮ่องกงหวังว่าจะทนความหนาวได้บ้าง..สรุปว่าแพ้ยับ ด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทางข้ามวันข้ามคืนบวกกับความหนาวที่ร่างกายปรับไม่ทัน ทำให้ฉันนอนจับไข้เป็นอาทิตย์ตั้งแต่กลับมา บรรดาเพื่อนพ่อตัวดีที่ขยันกันเชิญไปทานข้าวเย็น ต่างก็เตรียมข้าวปลาอาหารเก้อ เพราะอาการฉันจะดีๆในช่วงเช้าๆ พอจะมีเรี่ยวแรง แต่พอตกเย็นเริ่มแล้วอาการออก หนาว ไข้ตัวร้อน มึนหัวมาก สุดท้ายแพ้น๊อค..อดไปกินข้าวฟรีทุกครั้งไป

พ่อตัวดีทนไม่ไหว จับฉันใส่เสื้อ(เก่าๆของเขา สมัยยังหนุ่ม)ประมาณห้าชั้น ถุงมืออย่างหนา ถุงเท้าขาวถึงเข่า ออกมาหาซื้อเครื่องกันหนาวให้ฉันอีก..ฉันได้บอดี้สูทคล้ายๆที่ใส่ดำน้ำพร้อมกางเกงเจ้านี่ใส่เป็นปราการแรก ถัดมาคือลองจอนอย่างหนาอันนี้ใส่หลังจากใส่เสื้อปกติ จากลองจอนต่อด้วยสเวตเตอร์ที่ไม่หนามากแต่อุ่นดีจัง..แล้วค่อยตามด้วยแจ็กเก็ตและผ้าพันคออีกชั้น ฉันใช้มารยาสาไถขอซื้อบูทมาใส่เริ่ดๆแบบสาวแฟชั่นบ้าง..คู่นี้พ่อตัวดีก็ว่าไม่เหมาะ สวย เฉี่ยวแต่จะเดินแล้วลื่นง่าย..บลาๆๆ ท้ายที่สุด ฉันได้บูทมาลุยหิมะ พื้นยางหนาๆ แน่นอนว่ามันไม่ลื่น แต่หาได้มีความสวย เก๋ แม้สักนิดไม่ ใส่แล้วเหมือนคนงานจะออกไปโกยหิมะ..ไม่ได้ดูสวยระหง ขายาวขึ้นมาบ้างเลย..กรี๊ดๆๆ เจ็บใจนังตัวดี..

หน้าหนาวที่กรุงเทพก็ยังแตะสามสิบสามองศาแต่มาอยู่นี่ติดลบห้า..เกือบสี่สิบองศาที่มันแตกต่างกัน..คิดแล้วก็สมควรจะไข้เนอะ แถมฉันเป็นมนุษย์ที่ชอบบริโภคน้ำแข็งมาก..มาอยู่นี่ฉันก็ยังแอบกินน้ำแข็งที่พ่อตัวดีสั่งห้ามไว้แล้ว..กินน้ำแข็งทีไรได้เรื่องทุกที..ฉันกินโค้กใส่น้ำแข็งเย็นเจี๊ยบชื่นใจได้สักพัก พอหนาวก็เดินไปหน้าฮีตเตอร์อังไอร้อน..เวียนไปแบบนี้..ตกบ่ายได้เวลาจับไข้ที่ไม่รู้จะด่าใครดีนอกจากตัวเอง

วันนี้ฉันเริ่มมีสติว่า เอ่อ จะมานั่งเป็นไข้ไม่สบายแบบนี้ไม่ได้แล้วนะ หลังจากที่พ่อตัวดีเอาสารพัดอาหารและยาแก้ไข้มากองตรงหน้าพร้อมโทรศัพท์ บอกว่า กินซะถ้าอาการหนักมากให้โทรหาด้วย..อยากอยู่ดูแลแต่ว่าต้องไปทำงานนะ..ฉันที่ยังอาการไม่แย่มาก เพราะว่ายังไม่ได้แอบไปกินน้ำแข็ง พยักรับคำเหมือนเด็กว่าง่าย..ฉันเริ่มหาข้อมูลว่าควรจะติดต่อกับ OFII เพื่อทำการส่งแบบฟอร์มขอการ์ดเดอ เซ จู ,สำเนาหน้าพาสปอร์ตและหน้าที่มีตราประทับเข้าประเทศ ว่าควรทำอย่างไร..จนได้ที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ พ่อตัวดีตัดสินใจโทรไปถามรายละเอียดอีกครั้งก่อนที่เราจะเริ่มทำอะไรต่อไป..ได้ความว่า ยูสองคนไม่ต้องมาหาที่สำนักงานเลยนะ..แค่ส่งเอกสารที่ว่าทั้งหมดใส่ไปรษณีย์มาก็พอ..แหม..คนอยากเห็นหน้าก็ไม่ได้ ไม่ไปก็ได้..

เราเลยบ่ายหน้าไปที่ไปรษณีย์แทน..ฉันถือซองเอกสารที่จะส่งไว้ในมือ ก่อนส่งเอกสารไปทั้งหมด ฉันสแกนเก็บเอาไว้ก่อน..เกิดว่าไปรษณีย์ทำหล่นแล้วฉันจะไปเอาที่ไหนได้อีก..ของอย่างนี้ รอบคอบไว้ก่อนเป็นดีที่สุด

สามีตัวดีคงอยากจะฝึกฉันมาก รีบดันฉันไปที่หน้าเคาน์เตอร์แล้วบอกว่า งานนี้เขาไม่ช่วยนะ ให้ฉันลองพูดเอง..นังบ้า..แล้วหล่อนจะไม่ให้ฉันเตรียมตัวมาก่อนเลยรึไง..ฉันยิ้มแหยๆ กล่าว บงชู่ว์กับลุงใส่แว่นหน้าดุตรงหน้า..อารมณ์คงไม่ค่อยดีที่มาเจอกะเหรี่ยงแบบฉัน.. Je voudrais envoyer cette letter, sil vous plait. เฌอ วูเด องโวเย เซท เลทเทอร์ ซิล วู แปล่ ฉันจะส่งจดหมายนี้ค่ะ..(อันนี้พูดไปตามไวยากรณ์มั่วๆแบบของฉันนะคะ..ห้ามลอกเลียนแบบ) en Recommandée Avec Accusé de Réception aussi, sil vous plait. เสียงพ่อตัวดีที่อยู่ข้างหลังสำทับตามหลังมา คือ ส่งแบบลงทะเบียนด้วยนะครับ หึ สุดท้ายแล้วก็ช่วยจนได้..ลุงหน้าดุที่ตอนนี้มุมปากเริ่มอมยิ้ม ส่งแบบฟอร์มมาให้ฉันใบหนึ่ง แน่ละ ฉันต้องกรอกเอง..ฉันกรอกรายละเอียดที่อยู่ของ OFII ลงไป ที่มุมบนซ้าย ส่วนชื่อที่อยู่ของฉัน ที่กรอบสีเหลี่ยมใหญ่ๆ ด้านขวา..ถามว่าอ่านออกเหรอ..เปล่าหรอกค่ะ เดาเอาจากศัพท์บางคำ..ฉันส่งคืนให้ลุงซึ่งรับไปดูแล้วเหมือนช่วยตรวจดูว่าถูกรึเปล่า ลุงแปะๆ ปั๊มๆ เอาเข้าเครื่องชั่ง แล้วเอ่ยปากบอกค่าธรรมเนียม เกือบห้ายูโรสำหรับส่งเอกสารหกแผ่้น..แพงจังเลยค่ะคุณลุง..รับเงินทอนมาพร้อมสำเนาแบบฟอร์มที่ฉันเพิ่งกรอกไปเมื่อครู่

วันถัดมาฉันก็ได้รับใบแจ้งว่าจดหมายถึงผู้รับแล้ว..เร็วดีจัง แถมวันต่อมา OFII ก็มีจดหมายส่งมาหาว่าได้รับเอกสารที่ส่งมาแล้ว มีอะไรบ้าง..แล้วจะส่งจดหมายนัดมาอีก.. หายไปสองวัน คราวนี้ได้จดหมายนัดให้ไปรายงานตัว ตรวจร่างกาย สัมภาษณ์เพื่อวัดระดับภาษา ในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า..เร็วดีจัง..แต่นัดล่วงหน้านานจัง คงเป็นเพราะเดือนนี้มันเดือนของคริสต์มาสละมัง กลางเดือนแบบนี้เลยไม่ใครสนใจจะทำงานแล้ว..เหอๆๆ ฉันแกะออกมาอ่าน เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่ก็อยากจะดูด้วยความตื่นเต้น เปิดดิกหาศัพท์แปลไปเรือย แต่ก็ไม่ค่อยจะเข้าใจจนต้องรอพ่อตัวดีมาอ่านให้ฟัง ..พ่อตัวดีเตรียมลางานไว้เลยล่วงหน้า จะได้ไม่ขัดใจเจ้านาย..อ่านรายละเอียดของเอกสารที่ต้องเตรียมไป..มีหลักฐานที่อยู่อาศัยเช่น พวกบิลค่าน้ำค่าไฟ ค่าเช่าบ้าน..ที่ต้องมีชื่อฉันอยู่ในนั้นด้วย..ร้อนถึงสามีต้องโทรไปถามอีกว่า เอกสารที่ว่าคืออะไร..ติดต่อไปๆมาๆหลายที่ วันต่อมาฉันก็เห็นบิลค่าน้ำค่าไฟที่มืชื่อฉันร่วมอยู่กับพ่อตัวดีอยู่..ตอนนี้เหลือแค่ซื้อแสมป์อากร 340 ยูโร แล้วรอไปรายงานตัว ..แพงจริงๆ จ่ายโน่น นี่ นั่น หยุมหยิมไปหมดจนเริ่มสงสารสามีตัวเองจริงๆ

มีเวลาหนึ่งเดือนในการฝึกปรือทักษะภาษา..แต่คราวนี้ฉันไม่ได้นั่งท่องนั่งอ่านอะไรมาก เพราะว่าฉันอยากได้ชั่วโมงเรียนเยอะๆ เรียนฟรีที่นี่เยอะๆ อย่างน้อยฉันก็มืออะไรทำและได้เจอผู้คนและจะได้เจอเพื่อนๆแม่บ้่านผู้ร่วมชะตากรรมอีกหลายคนต่อไป..

No comments:

Post a Comment