Wednesday, February 23, 2011

วัลลี..ส่งเงินกลับบ้าน

ฉันเพิ่งวางโทรศัพท์ที่คุยกับแม่อยู่นานร่วมสองชั่วโมง นอกจากสารทุกข์สุขดิบที่ไถ่ถามกันตามปกติ ก็มีเรื่องหนักอึ้งให้เครียดตามมา..แม่ถามว่าพอจะมีเงินเก็บสักก้อนให้แม่มั้ย..แม่จำเป็นต้องใช้เงินภายในอีกอาทิตย์ข้างหน้า..วินาทีที่แม่ถามฉันสัมผัสได้ว่า แม่คาดหวังไว้แล้วว่าฉันน่าจะช่วยเหลือแม่ได้เหมือนเคย..หากเป็นตอนที่ฉันยังมีงานทำ มีเงินเดือนผ่านเข้าบัญชี..ฉันคงไม่รีรอที่จะช่วยแม่อย่างแน่นอน..

แต่ ณ เวลานี้ ฉันแปรสภาพมาเป็นแม่บ้านไร้เงินเดือนมาหลายเดือนแล้ว..นั่งรวบรวมยอดเงินจากบัญชีต่างๆ นานา ก็ยังไม่พอกับจำนวนเงินที่แม่จำเป็นต้องใช้  ด้วยความที่ฉันเคยให้เงินแม่ทุกเดือนตั้งแต่เงินเดือนก้อนแรกจนมาถึงเงินเดือนก้อนสุดท้ายก่อนที่จะลาออกเพื่อย้ายถิ่นฐานมาที่เมืองน้ำหอม ร่วมสิบปีที่ให้แม่มิได้ขาดจนเป็นนิสัย..  เมื่อถึงเวลานี้การปฏิเสธที่จะไม่ให้เงินแม่จึงเป็นเรื่องลำบากใจมากที่จะทำแม้ว่าเงินตัวเองก็มีไม่พอ..ฉันไม่อยากให้แม่รู้สึกว่าชีวิตฉันล้มเหลวหรือตกต่ำเหมือนกับโยนอนาคตดีๆทิ้งไว้ที่ไทย แล้วมาตกอับไกลถึงต่างแดน..

ตลอดสายจนถึงมืดระหว่างที่รอพ่อตัวดีกลับมาบ้าน  ฉันครุ่นคิดว่าจะไปหาเงินที่ไหนมาเพิ่มให้ครบตามจำนวนที่แม่ขอมา..จนสามีมาถึงบ้านฉันก็ยังไม่กล้าบอกเขาเรื่องนี้..ดูจากสีหน้าท่าทางที่เหนื่อยอ่อน มันไม่ใช่เวลาที่ดีนักที่จะเอาปัญหาไปโยนใส่..บ้านควรจะอบอุ่นและผ่อนคลาย..แบบสบายๆ..ฉันพยายามเก็บอาการแต่หารู้ไม่ว่า แอบเหม่อจนคุณฝรั่งสงสัยและถามออกมาเองในที่สุด..

ฉันตัดสินใจบอกไปหลังจากที่พ่อตัวดีตื้อถามอยู่นาน..เขาบอกว่า แววตาฉันมันดูออกว่ามีอะไรแน่ๆ  เรื่องจากทางบ้าน..ชัวร์..นึกว่ามีแฟนเป็นอับดุล ถามได้ตอบได้มีอะไรรู้หมด...หลังจากเล่าให้ฟังสามีดึงฉันได้กอด..แถมมีเขกหัวเน้นๆมาสองทีว่า..มีอะไรก็ให้บอก อย่าเก็บไว้คิดเอง เออเอง เครียดเองคนเดียว..ฉันบอกว่าพ่อตัวดีไปว่า ฉันมีเงินไม่พอให้แม่แต่เป็นตายร้ายดี ฉันก็ต้องช่วย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะหาเงินที่ไหนมาเพิ่ม ฉันรู้ว่าพ่อตัวดีก็มีไม่พอหรอก ลำพังค่าใช้จ่ายจากงานแต่ง เอกสาร ตั๋วเครื่องบิน ต่างๆนานา ที่จ่ายไปเพื่อให้เราสองคนเริ่มชีวิตคู่..มาถึงตอนนี้แค่ไม่ติดลบก็เก่งมากแล้ว..ฉันจึงไม่อยากบอกให้สามีมาเครียดกับฉันไปใหญ่..

พ่อตัวดีเปิดบัญชีตัวเองดูแล้ว ก็เหมือนอย่างที่ฉันรู้ว่า เขาเองก็มีไม่พอ..มันเหมือนตอกย้ำให้ยิ่งเศร้าไหนจะหาทางช่วยแม่ยังไม่ได้  ไหนจะมาทำให้สามีหน้าเหี่ยวตามไปอีก..เราพากันมุดหัวเข้านอนเพราะไม่อยากทนเห็นหน้าเครียดๆของอีกฝ่าย..นอนไม่หลับจนเกือบสว่าง..แอบหลับไปก่อนสามีออกไปทำงานไม่นาน..จนตื่นมาช่วงสายๆ ทำภารกิจแม่บ้านเหมือนเดิม..จะเอ่ยปากหยิบยืมเพื่อนฝูงก็เกรงใจ  เรามันอยู่ไกล ใครที่ไหนเขาจะเชื่อใจให้ยืม..คิดวนไปมาเหมือนน้ำวนอยู่ในอ่าง..ไม่มีทางระบายออก รอวันเน่าอย่างเดียว..จนพ่อตัวดีกลับมาจากที่ทำงาน เห็นอาการเมียไม่ดีขึ้น..เลยลากให้เดินตามมาในห้องนอน..คนไม่มีกะจิตกะใจจะทำการบ้านหรอกนะ..กลุ้ม เครียดอยู่..

ดิ้นๆ ขัดขืน บ่นกระปอดกระแปดจนสามีแทนทนสะกดอารมณ์ไม่ไหว แทบจะยันติดกำแพง..(อุตส่าห์นึกว่าจะมีแบบตบจูบ ตบจูบ...อารมณ์ยังค้างจากคราวก่อน) หลังจากที่สามีต้องฟังเมียบ่นพรำเรื่องเดิม ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่พักใหญ่..นายตัวดีก็เดินไปหยิบซองจดหมายที่อยู่ตู้เสื้อผ้ามายื่นให้ตรงหน้า  ฉันเอื้อมมือไปรับมาแบบงงๆ เปิดออกดูข้างในมีเงินสดและเช็คเงินสดอีกหลายใบ..ฉันหันไปถามพ่อตัวดีแบบงงๆ ว่า นี่เงินอะไร..เขาตอบกลับมาว่า เป็นเงินที่ได้เป็นของขวัญแต่งงาน..เขาไม่ได้บอกฉันเรื่องนี้เพราะคิดไว้ว่าจะเก็บเงินนี้ไว้ใช้ยามจำเป็น..ซึ่งตอนนี้เขาก็คิดแล้วว่ามันน่าจะถึงคราวจำเป็นแล้ว..เพราะทนดูสภาพเมียจิตตกแบบนี้ไม่ไหว ครั้นจะห้ามไม่ให้ฉันทำอะไรเกินตัว ตัดใจบอกแม่ไปว่าไม่มีเงิน  พ่อตัวดีก็รู้ดีอยู่แล้วว่า คนแบบฉันทำไม่ได้แน่นอน  เพราะฉะนั้นเอาเงินนี้ไปให้แม่ก่อน..เราสองคนยังหนุ่มยังสาว เรี่ยวแรงกับสองมือยังมี หาเอาใหม่ได้

วินาทีที่ฉันนั่งฟังสามีพูด  มันมีหลายความรู้สึกในใจ..ดีใจที่มีทางออกให้แม่ เกรงใจสามีที่เหมือนเราเอาแต่ปัญหามาให้ ปลื้มใจที่อย่่างน้อยพ่อตัวดีเข้าใจในทุกอย่างที่ฉันเป็น  ..ฉันกอดสามีร้องไห้ออกมาแบบไม่อาย ที่แก่แล้วแต่ทำตัวลืมอายุ  มันเหมือนปัญหาที่ฉันคิดวนๆ อยู่คนเดียว มีเขานี่แหละที่หาทางออกให้ แถมให้กำลังใจเสริมมาอีกต่างหาก..ขอบคุณจริงๆนะที่เข้าใจกัน

รุ่งขึ้นฉันรีบโทรไปบอกแม่ว่ารอก่อนตอนนี้กำลังรวบรวมเงินส่วนที่ยังขาดอยู่จะส่งให้อีกทั้งหมดตามที่แม่ขอภายในพรุ่งนี้เพราะว่า ต้องไปที่ตัวแทนทีรับโอนเงิน.. ระหว่างนั้นฉันหาช่องทางเรื่องการส่งเงินกลับไทยว่า ช่องทางไหน เร็ว และเสียค่าธรรมเนียมน้อยที่สุด..
โอนผ่านธนาคารและไปรษณีย์นั้นตัดออกเป็นอันดับแรก เพราะว่าใช้เวลาอย่างน้อย 3-5 วัน และค่าธรรมเนียมแพง เพราะเสียค่าธรรมเนียมทั้งธนาคารที่นี่ ธนาคารกลางและธนาคารที่ไทย  อีกสองทางเลือกคือ western union และ  moneygram  เป็นตัวแทนให้บริการโอนเงินทันใจทั้งคู่..แต่เท่าที่เปรียบเทียบดู
western union สามารถทำรายการในอินเตอร์เนทได้เลย ใช้บัตรเครดิตจ่ายได้ แต่ค่าธรรมเนียมแพง และโอนได้ครั้งละไม่เกิน 999.99 ยูโร ถ้ามากกว่านั้นต้องไปทำการโอนที่สำนักงานของตัวแทน  ลองเทียบค่าธรรมเนียมระหว่าง 2 ที่  ฉันตัดสินใจเลือก moneygram เพราะค่าธรรมเนียมถูกกว่าครึ่ง..เช่น โอนเท่ากัน 500 ยูโร western union คิดค่าธรรมเนียม 30 ยูโร ส่วน  moneygram 12 ยูโรเท่านั้น..ฉันหาที่่อยู่ของ moneygram สาขาที่อยู่ใกล้บ้านมากที่สุด..จดแล้วรีบยื่นส่งให้สามีดู พยายามออดอ้อนด้วยสีหน้าที่คิดว่าน่ารักที่สุด..เพราะแอบเกรงใจว่าอะไรๆ ก็ต้องพึ่งพาเขาตลอด

เราพากันมาถึงสาขาที่ใกล้บ้านที่สุด..แต่สภาพที่เห็นมันคือร้านขายบุหรี่ร้านหนึ่งที่รับเป็นตัวแทนของ moneygram ด้วยนั่นเอง..พ่อตัวดีบอกสาวน้อยเจ้าของร้านว่าจะโอนเงิน..เธอขอเอกสาร ฉันยื่นพาสปอร์ตส่งให้ พร้อมเขียนชื่อผู้รับเงินปลายทางส่งให้เธอไป..ฉันถามว่าถ้าส่งเงินที่นี่จ่ายด้วยบัตรเครดิตได้มั้ย..สามีเป็นล่ามแปลให้แล้ว บอกต่อมาอีกทีว่าได้..แต่คราวนี้เงินสดมีในมือแล้วจ่ายเลยดีกว่า..ใช้เวลาไม่นานทุกอย่างก็เรียนร้อย..เธอบอกว่าอีกสิบนาทีแจ้งรหัสรับเงินให้ผู้รับก็สามารถไปขึ้นเงินได้เลย..ฉันรีบโทรไปบอกเพื่อนรุ่นพี่ที่ฉันวานให้เป็นผู้รับเงินปลายทางที่เมืองไทย ให้ไปขึ้นเงินได้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ทุกสาขา..ดีว่าตึกที่ออฟฟิตของรุ่นพี่มีไทยพาณิชย์อยู่พอดี เลยไม่เป็นปัญหา..ฉันวานให้เธอเอาเงินทีได้เข้าบัญชีของฉัน เพื่อที่ว่าฉันจะได้โอนให้แม่ในวันนี้เลย

ไม่นานนักฉันก็ได้รับ sms จากรุ่นพี่คนเดิมว่า ภารกิจเสร็จสิ้นทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว..ฉันรีบโอนเงินต่อไปให้แม่ทางอินเตอร์เนท..แล้วโทรไปบอกแม่อีกครั้ง..แม่ดูจะดีใจที่ได้ตามที่หวังไว้..ฉันไม่ได้บอกที่มาของเงินว่าหามาจากไหน ด้วยไม่อยากให้แม่รู้สึกว่าลูกสาวตกอับ หรือคิดผิดที่มาอยู่ต่างแดน..ยังไงฉันก็จะพยายามทำทุกอย่างเพื่อแม่อยู่แล้ว..เพราะฉะนั้นให้แม่ดีใจ โล่งใจเรื่องเงินก็พอแล้วสำหรับวัลลีต่างแดนแบบฉัน..

No comments:

Post a Comment